เล่ม
27 ตอนที่ 1: ประติมากรรมจากดิน
แปลโดย Acid กรด
"ที่นี่มีอะไรบางอย่างจริงๆหรือ?
ฉันไม่เห็นผู้คนเข้ามายังสถานที่แห่งนี้มาก่อนเลยนะ"
ภายในถ้ำ,
วีดถือหินวิเศษซึ่งเปล่งแสงได้ แม้ว่าเขาจะสามารถนำคบเพลิงเข้ามาใช้ได้,
ถ้าเกิดว่าสถานที่แห่งนั้น มันเป็นสถานที่ที่มีความผิดปกติแล้วล่ะก็,
ความร้อนจากไฟอาจทำให้เกิดหายนะอย่างร้ายแรง
วีดเดินเข้าไปภายในถ้ำ
ติ๊ง!
คุณได้พบ
มอนท์เวอร์ทรูเรีย(Montvertruria)
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเหล่ามนุษย์, เอลฟ์
และออร์ค!
|
คุณได้มาถึงถ้ำที่สิ่งมีชีวิตต่างเผ่าพันธุ์
ได้เคยอาศัยอยู่ร่วมกันและเอาชนะอุปสรรคทั้งหลาย
|
ก่อนที่พวกเขาจะกระจัดกระจายออกไปทั่วทั้งทวีปเวอร์เซลล์
|
จุดกำเนิดของที่แห่งนี้กล่าวได้ว่าเป็นพรที่เหลืออยู่จากทวยเทพ
|
รางวัล
: ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 12,000
|
คุณได้รับฉายา
'นักผจญภัยผู้ค้นพบประวัติศาสตร์ของทวีป'
|
คุณสามารถรายงานการค้นพบนี้
เหล่าชนชั้นสูงและอัศวินไม่สามารถปิดบังการค้นพบที่ยิ่งใหญ่นี้ได้, คุณต้องรายงานโดยตรงสู่กษัตริย์
|
- เนื่องจากผ่านการผจญภัย,
ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 7
|
- ความกล้าหาญเพิ่มขึ้น 12
|
- ระหว่างที่ค้นพบประวัติศาสตร์นี้,
สติปัญญาเพิ่มขึ้น 9
|
ในที่สุด,
ถ้ำที่ซึ่งทั้งสี่เผ่าพันธุ์เคยอาศัย ก็ได้ถูกเปิดเผย เควสปรมาจารย์การแกะสลักของเขาที่ให้ค้นหามอนท์เวอร์ทรูเรีย
หลังจากการสืบหา รัทเซเบิร์ก ก็ได้ชี้นำไปสู่ความสำเร็จในการค้นพบ
"อิ..อิ..อิ..อิ, ฉันมาถูกที่แล้วละ!"
ด้วยการใช้หินวิเศษ,
เขาหาเส้นทางในความมืดและพบว่าภายในนั้นกว้างขวางพอใช้
และมีทางแยกออกเป็นหกทาง
"ฉันจะเข้าไปมันหมดทุกทางเลย
ไม่ไปทุกทางนี่สิน่าตลก"
เควสปรมาจารย์การแกะสลักของเขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
คืบหน้าไปค่อนข้างมาก และเขาก็สนใจที่จะทำการค้นหาบางอย่างเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชนเผ่าต่างๆ
มันดีกว่าที่เขาเคยคาดหวังไว้
คล้ายกับว่าวีดถูกล็อตเตอรี่,
ในจิตนาการของวีด ตอนนี้เตลิดเปิดเปิงไปทั่ว เขาคงกังวลใจมากว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาในครั้งนี้
'ในถ้ำแรกบรรจุไว้ด้วยเหล่าทองแท่ง
ขณะที่ถ้ำที่สองกระจัดกระจายเต็มไปด้วยเพชรโบราณ และทับทิมมากมาย
พวกทับทิมสามารถเพิ่มมูลค่ามันได้ในภายหลัง
ในถ้ำที่สาม บรรจุไว้ด้วยเหล่าศาสตราวุธหลากหลายชนิดและสินแร่
ถ้ำที่สี่กระจายเกลื่อนไปด้วยแท่งเงิน
เยี่ยม,มันจะยิ่งดีถ้าเงินจะไม่หมองไปเสียก่อน และต่อไปถ้ำที่ห้า...’
แม้จะเป็นแจกันโบราณใบหนึ่งก็ยังมีค่ามูลมหาศาลในตัวมันเอง
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแหะว่าฉันจะได้มาขายพวกของโบราณเอาไปใช้เป็นเงิน
ชีวิตนี้จะเป็นยังไงน้า…เมื่อเงินมากมายถาโถมเข้ามา ฮิ ฮิ ฮิ
ฮิ"
หัวใจของวีดเต้นรัวและสั่นสะท้าน
"เควสปรมาจารย์การแกะสลักไม่เคยดีเท่านี้เลย
ได้มาที่นี่เป็นคนแรก, แม้แต่พวกขอทานยังสามารถร่ำรวยได้จากการปล้นที่นี่"
ที่นี่เป็นที่ที่เก่าแก่ที่สุดบนทวีป,
ยังเป็นธรรมชาติ, เขากำลังกวาดทุกๆสิ่งและจะจากไปโดยไม่เหลืออะไรทิ้งไว้
ในเมื่อคนที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้
ไม่อาจหาอะไรเจอสักอย่าง เว้นเสียแต่ว่ากองมหาสมบัติ
วีดเก็บทางแยกใหญ่ที่สุดไว้ทีหลัง
ถ้าเขาใช้สัญชาตญาณของเขามากกว่าความโลภ, นี่ย่อมจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
"ฉันคิดว่าในนั้น, มันอาจจะให้ทองคำกับฉัน แต่ก็นะ อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ ได้หมด ถ้าสดชื่น"
อัญมณี,
ทองคำ, เงิน, ของโบราณ
และเครื่องประดับ! อะไรพวกนั้น, เว้นแต่จะมีของมีค่าอื่นๆอีก
แคร็ง แคร็ง!
อย่างไรก็ตาม,
ยังคงมีเหลืออีกเพียงเล็กน้อยในถ้ำนั้น
และเป็นเพียงพวกอาวุธเหล็กหักๆที่ถูกทิ้งไว้บนพื้น
เหล่าออร์คจอมละโมบนำทุกอย่างไปด้วยยามย้ายถิ่นจากรัทเซเบิร์ก(Ratzeburg)
มันเหมือนกับการเรียกบริษัทขนย้ายและถูกปล่อยให้ร้าง!
วีดยังไม่เสร็จภารกิจ เขามองไปทั่วทั้งถ้ำและพยายามหาทางลับที่อาจยังมีข้าวของอยู่อีก
"จนเดี๋ยวนี้,ฉันยังไม่ได้เข้าไปในถ้ำอีกแยะเลยด้วยซ้ำ ฉันแค่กำลังจะไปที่อื่น ในนี้,ไม่มีแม้กระทั่งพวกชามหรือตะเกียบให้ฉัน"
ความคาดหวังลดลงเล็กน้อย
***
หลังรับประทานอาหารในป้อมปราการเวอร์โก้,
อาจารย์นักดาบตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการแข็งแกร่งขึ้น!
ในเทือกเขายูโรกิ,
ซีซวิคกำลังเบิกบานระหว่างเดทของเธอกับนักดาบ2
เมื่อยูรินมาถึงอย่างเร่งรีบด้วยการใช้ทักษะจินตภาพเคลื่อนย้าย
อาจารย์นักดาบพร้อมกับพวกงี่เง่า(ออร์ค)จากนักดาบ2 ถึงนักดาบ5ได้มารวมตัวกัน
อาจารย์นักดาบกล่าว
"มาทำเควสปราบเหล่ามอนสเตอร์กันเถอะ"
"ครับ อาจารย์, พวกเราเตรียมตัวให้พร้อมกันที่นี่"
นักดาบ2 ได้มองดูพวกออร์คในเทือกเขายูโรกิ, ค้นพบความสำคัญของการต้องมีกลยุทธ์ที่เหมาะสมและความพร้อมรบ
ด้วยประสบการณ์ที่มีอยู่ของเหล่าครูฝึกในสำนัก
พวกเขาสามารถสร้างบาดแผลให้พวกออร์คที่อ่อนแอได้อย่างง่ายดาย
อาจารย์นักดาบส่ายศีรษะ
"ในที่สุด, ข้าเพิ่งจะเห็นและคำนวณความสามารถของพวกเจ้าในการต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์
และที่นี่ไม่เหลืออะไรแล้ว พวกเราย้ายไปที่อื่นกันเถอะ"
"ท่านอาจารย์กล่าวถูกต้อง
ผมผิดเอง"
อาจารย์นักดาบ,
เหล่าครูฝึก
และพวกนักดาบฝึกหัดเดินทางสู่ประตูของป้อมปราการเวอร์โก้, บ่ายหน้าสู่ดันเจี้ยน
พวกเขาเดินทางผ่านพื้นที่ขรุขระอย่างไม่แยแส
มุ่งไปข้างหน้า
พวกเขาต้องต่อสู้ในวิถีทางแบบนี้เสมอ
เพราะการก้าวไปสู่ภัยที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นถึงจะเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่
เหล่าผู้ร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้ที่เป็นมืออาชีพ
ไม่ว่าจะที่ใดก็ตาม คุณต้องเอาชนะขีดจำกัดของตัวเอง
คนผู้นั้นต้องมีความกล้าหาญที่จะกระโดดจากหน้าผาเพื่อที่จะได้รับความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
"มีสถานที่อันตรายใกล้ๆนี่
พวกเราเคยเข้าไปครั้งหนึ่ง, จะมีพวกคนเถื่อน
นั่นเป็นเรื่องที่พวกเราเคยได้ยินมาเสมอๆ จะมีพวกมอนสเตอร์จำนวนมากโผล่ออกมาด้วย
"จะรอช้าอยู่ไย, เข้าไปกันเถอะ!"
แม้ว่าพวกคนเถื่อนออกมาอยู่ข้างนอกรังไฮเรนแล้ว,
พวกเขาก็ยังไม่เสี่ยงที่จะเข้าไป
อย่างไรก็ตาม,
อาจารย์นักดาบนำลูกศิษย์ของเขาและบุกเข้าไปข้างในโดยปราศจากความลังเล
"ฆ่าพวกมันให้หมด!”
พวกนักดาบเลือกพวกมอนสเตอร์ที่เห็นว่าแข็งแกร่งขณะที่พวกเขาเข้าต่อสู้
ช่วงเวลาที่พวกเขายังเป็นผู้เล่นใหม่,
พวกเขาจำนวนมากต้องตายเพราะพวกเขาขาดขนมปังข้าวบาร์เล่ย์
"ทำไมพวกเจ้าถึงปล่อยให้สุขภาพดีได้ยามเมื่อจิตใจยังมีความทุกข์ยาก"
"ทำตามที่ท่านอาจารย์กล่าว!"
เมื่อจิตใจย่ำแย่,
ร่างกายก็ต้องทนทุกข์ทรมานด้วย ในทางกลับกัน, ถ้าร่างกายอ่อนแอ,
จิตใจก็ต้องต้องแบกรับความทุกข์เช่นกัน
เนื่องจากความไม่รู้ สามารถนำมากล่าวอ้างได้เสมอเพื่อแสดงถึงความกล้าหาญที่เพิ่มขึ้น,
เหล่านักดาบจับตามองกองทัพมอนสเตอร์ด้วยรอยยิ้มอันรื่นรมย์
"หึ หึ, หนุ่มๆเหล่านี้ ทั้งรวดเร็วและแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ"
"ฝึกฝนทักษะของพวกเจ้า
ทักษะดาบแยกร่าง! (Sword-cloning Skill)"
"เพ่งความสนใจไปที่การโจมตีของพวกเจ้า!"
พวกนักดาบฝึกหัดพยายามฟันฝ่าและต่อสู้ตามตำแหน่งสถานะของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม,
พวกมอนสเตอร์ยังคงปรากฏและกระโดดออกมาจากรังไฮเรน
ในบริเวณพื้นที่รอบๆ,
การออกล่าไม่ได้เกิดขึ้นมากนัก
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมมอนสเตอร์เหล่านั้นถึงยังคงแพร่พันธุ์กันมาเป็นเวลานาน
จนพวกมันมีเป็นฝูงเหมือนพวกผึ้ง,
และทำให้เกิดความโกลาหลเล็กน้อย
เหล่ามอนสเตอร์พวกที่โจมตีป้อมปราการเวอร์โก้เพื่อหาอาหาร
เป็นพวกหนึ่งที่มีขนาดเล็กและอ่อนแอจากในฝูงของพวกมัน
ด้วยเหตุนี้,
เลเวลของพวกมอนสเตอร์ที่พวกเขากำลังออกล่าในปัจจุบันได้เข้าสู่ระดับต่อไปของอสูรกายแล้ว
พวกนักดาบฝึกหัดตระหนักแล้วว่านี่ไม่ใช่แค่ประสบการณ์สุดอันตรายที่พวกเขาจะได้พบเจอบ่อยๆ
ในที่สุด,
นักดาบฝึกหัดก็ตายไปทีละคน พวกนักดาบศิษย์พี่ต่างก็เสี่ยงเอาตัวเองเข้าช่วยเหลือคนอื่นๆ;
อย่างน้อยพวกเขายังคงมีจิตวิญญาณ
แม้ว่าจะพ่ายแพ้ในการต่อสู้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีทักษะวิชาดาบแยกร่าง,
มันก็ยังคงยากสำหรับพวกเขาอยู่ดีที่จะจัดการกับพวกมอนสเตอร์
เพราะว่ามานาของพวกเขาต่ำ
พวกเขาจึงสามารถใช้ทักษะได้เพียงสองสามครั้งเท่านั้น
"เอ่อ, ฉันเดาว่าพวกเราต้องลงทุนเพิ่มกันอีกสักหน่อยกับค่าสถานะของความฉลาดและภูมิปัญญา
เพื่อที่จะเพิ่มมานาของพวกเรา"
ทุกๆครั้งที่พวกนักดาบฝึกหัดเลเวลเพิ่มขึ้น,
พวกเขาจะเพิ่มค่าสถานะภูมิปัญญาเพียงหนึ่งแต้ม
แม้ว่าพวกเขาจะประเมินว่าทักษะของพวกเขาต่ำไป,
การต่อสู้อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งค่อนข้างมีประโยชน์ในการฝึกฝนร่างกายของพวกเขาได้พอประมาณ
นักดาบ5ตะโกนบอกว่า พวกหน่วยสอดแนมของศัตรูที่หนีออกไปก่อนหน้านี้ได้กลับมาแล้ว
"อาจารย์, พวกมอนสเตอร์กำลังมา!"
"อะไรนะ? อย่างนั้นไปหาที่เหมาะๆตั้งรับกันเถอะ"
พวกนักดาบฝึกหัดจากป้อมปราการเวอร์โก้วิ่งหนีไปทางสันเขาที่อยู่รอบๆและหลบอยู่ใต้นั้น
พวกมอนสเตอร์หิวโหยกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งกลับมาจากด้านนอก
นำฝูงของมันไปยังกลุ่มครูฝึก
"กินพวกมนุษย์!"
"พวกมันโง่ที่ออกมาจากเมืองของพวกมัน
อาวุธของพวกมันต้องเป็นของข้า!"
น้ำลายพวกมอนสเตอร์หยดแหมะๆลงมา
จนท่วมพื้นเป็นรอยดำรอบๆพวกมัน
นักดาบฝึกหัดรู้สึกได้อย่างฉับพลันถึงความตึงเครียดและความตื่นเต้น
"จงแกร่งกล้า สู้ให้สุดใจ
นี่เป็นประสบการณ์ใหม่ในการต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์"
ดังนั้น เหล่านักดาบที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสยังคงเดินเข้ามาและต่อสู้
"ชิ! เจ้าพวกมนุษย์ มันต้องตาย!"
"ถลกหนังพวกมันและกินพวกมัน...คำสาปอสรพิษ!"
พวกมอนสเตอร์ยิงธนูพิษและบ้างก็ใช้เวทมนต์
ทันใดนั้น,
ผู้คนปรากฏขึ้นทันใดจากสันเขารอบๆพวกมันและออกมาสร้างความประหลาดใจ
มันคือพวกนักดาบฝึกหัดที่อยู่รอบๆสันเขานั่นเอง
มันดูเหมือนสมรภูมิกำลังจะเกิดการต่อสู้จนถึงจุดแตกหัก
"พวกรุ่นพี่, ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว"
"พวกเรากำลังมา!"
และอีกครั้งที่พวกนักดาบฝึกหัดตายไปทีละคน
ถึงตอนนี้ มีผู้เสียชีวิตรวม 143 คน ถ้าคุณได้พิจารณาถึงความแข็งแกร่งปัจจุบันของพวกนักดาบ, พวกเขาได้รับความเสียหายอย่างมหาศาล
หลังการต่อสู้จบลง,
มีศพเกลื่อนไปทั่วและไอเท็มดร็อปกองซ้อนกันจนเต็มรอบๆเทือกเขา
"อาจารย์, พวกเราเก็บไอเทมบนพื้นได้ไหมครับ?"
"เอามาเฉพาะพวกที่ดูแล้วขายได้"
"ครับ!"
หากบรรดาพ่อค้าผ่านมาแถวนี้
แล้วเกิดได้ยินการสนทนาของพวกเขา เหล่าพ่อค้าคงตกใจกับสิ่งที่ตนได้ยินเป็นแน่
โดยทั่วไปแล้ว
พวกนักดาบจะเก็บเฉพาะดาบและพวกอาวุธที่ดูดี
ส่วนที่เหลือจะถูกทิ้งไว้เพราะว่าพวกเขารำคาญมากที่จะนำมันไปด้วย
"แล้วมองหาแหวนกับสร้อยคอด้วย
จงมั่นใจด้วยว่าข้าจะต้องได้ชิ้นที่ให้ความฉลาดและมานาสูงสุด"
"และนี่จะทำให้พวกเราสามารถใช้ทักษะของเราได้มากกว่าหนึ่งครั้ง
ให้เก็บและสวมใส่พวกมัน เพื่อพวกเราจะได้แข็งแกร่งขึ้น"
อาจารย์นักดาบเป็นคนที่ไม่สนใจจะสวมใส่พวกแหวน,
สร้อยคอ และอุปกรณ์อื่นๆ จนกระทั่งถึงตอนนี้
มีพวกไอเท็มเครื่องประดับที่หาได้ยากท่ามกลางของเหล่านั้น
ที่เขาทิ้งเพราะมันไม่ได้รับความสนใจจากเขา
มูลค่าสะสมของพวกมันแท้จริงแล้วมากพอที่จะซื้อหมู่บ้านคฤหาสน์สุดหรูในโมราต้าได้เลย
"อาจารย์ครับ, ผมเห็นพวกคนเถื่อนรอบๆทางเข้าดันเจี้ยน"
"ไม่ใช่แค่ดูซิออกไปค้นหามันด้วย"
"ครับ!"
เหล่านักดาบฝึกหัดแยกย้ายกันและค้นหาพวกคนเถื่อนทั่วทั้งทางเข้าดันเจี้ยนตามอาจารย์กล่าว
"ลองสังเกตดูให้ดีๆก่อน"
"เข้าไปข้างในกันเถอะ!"
คุณได้ค้นพบดันเจี้ยน, รังฟาโว เมาเท่น (Favlo Mountain Den)
|
ที่นี่เป็นเขตแดนของเผ่าคนเถื่อน
คานา (Barbaric
Kana Tribe)
|
|
รังมอนสเตอร์แห่งนี้สำคัญกับพวกมอนสเตอร์มาก
มีเรื่องราวกล่าวขานกันว่าที่นี่เป็นที่ที่บรรจุสมบัติลับของพวกมอนสเตอร์, แต่ยังไม่มีใครเคยเข้าไปและค้นพบมัน
|
|
ถ้าคุณได้ครอบครองดันเจี้ยนนี้, คุณจะได้รับความเคารพจากเผ่าบาร์บาริก คานา
|
|
รางวัล:
ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 1980
|
ค่าประสบการณ์และไอเท็มดรอป
เพิ่มขึ้นสองเท่าตลอดระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์
|
มอนสเตอร์ตัวแรกที่ฆ่าจะดรอปไอเท็มที่ดีที่สุด
|
เมื่อนำเลเวลของพวกมันมาเปรียบเทียบกับรังสามัญทั่วไป
เลเวลของพวกมอสเตอร์ที่อยู่ข้างในนั้นมีขอบเขตที่สูงมาก
"ให้ข้าได้ดูการต่อสู้ของพวกเจ้าสักหน่อย
ข้างในเป็นที่ซ่อนของพวกมอนสเตอร์จนกว่าพวกเจ้าจะเอาชนะพวกมัน, ห้ามกินอาหาร"
"ครับ ท่านอาจารย์!"
นักดาบ1,
นักดาบ2, และนักดาบ3
ทำการสำรวจภายในรังและนำนักดาบฝึกหัดครึ่งหนึ่งเข้าต่อสู้
นักดาบ4 และนักดาบ5 พร้อมกับส่วนที่เหลือ ก็ได้เข้าต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ที่กำลังอยู่บริเวณทางเข้าของรัง
ขณะที่เยาว์วัย,
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เข้าโรงเรียน, พวกเขายังสามารถกินอาหารได้เป็นประจำสามมื้อต่อวัน
เมื่อพวกเขาได้กินข้าว ทำให้พวกนักดาบฝึกหัดหวนคิดถึงความทรงจำอันแสนอบอุ่น
นึกถึงคำที่พ่อแม่ของพวกเขาอวยพร! แม้ว่าพวกเขาจะมีผลการสอบที่ไม่ดี
เมื่อพวกเขากำลังออกล่าในดันเจี้ยน,
พวกเขาไม่ได้กินอาหารและแม้กระทั่งข้าวสักมื้อเดียว
อย่างไรก็ตาม,
ด้วยความยากลำบาก, พวกเขาก็เอาชนะศึกของพวกเขามาได้
"ฉันจะเป็นคนนำเอง"
"อาจารย์, พวกเราจะประกบตามหลังท่านเอง"
นักดาบ1 พร้อมด้วย นักดาบ2และเหล่านักดาบฝึกหัด, ตั้งหน้าตั้งตาสู้กับพวกมอนสเตอร์ที่โผล่ออกมา
เลเวลของพวกนักดาบฝึกหัดไม่เท่ากัน
พวกนักดาบฝึกหัดบางคนยังมีเลเวลต่ำอยู่
อย่างไรก็ตาม,
พวกครูฝึก และ นักดาบรุ่นพี่ ต่างคอยระวังหลังให้กันและกัน
และจัดการดันเจี้ยนได้อย่างหมดจดโดยมีนักดาบฝึกหัดตายไปเพียง 47 คน
"อืม, ตายไปเยอะเลยแหะ"
"ผมขอโทษครับท่านอาจารย์!"
ถ้าคุณเปรียบเทียบกับความยากของดันเจี้ยนแล้ว
สิ่งที่พวกเขาได้รับเป็นความเสียหายเพียงเล็กน้อยจริงๆ
พวกเขาสู้โดยไม่มีนักบวชสักคนและยังใช้เพียงการพันแผลเพื่อปกปิดบาดแผลของพวกเขา
และพวกเขายังสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพจนน่าทึ่งเลยทีเดียว
ติ๊ง!
ท่านได้เคลียร์
รังฟาร์โว เมาเท่น
|
คุณจะได้รับความเคารพในฐานะนักรบที่แท้จริงจากเผ่าคนเถื่อน
คานา
|
- ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 2
|
- บารมี เพิ่มขึ้น 1
|
นักดาบฝึกหัดไม่จำเป็นต้องใช้เฉพาะดาบในการออกล่า
โดยพื้นฐานแล้ว, การใช้ดาบดูจะเป็นความคิดที่ดีที่สุด
แต่ ด้วยทักษะศิลปะการต่อสู้เจ้าแห่งอาวุธ(Martial
Arts with the Weapons Master skill) ทำให้มันเป็นไปได้ที่จะใช้อาวุธนานาชนิด
ถ้าพวกเขาเจอศัตรูระยะไกล,
พวกเขาส่ามารถใช้ธนูและลูกศรเพื่อโจมตี หรือถ้าศัตรูนั้นทนทานและมีค่าพลังป้องกันสูง
พวกเขาสามารถใช้ขวานเป็นอาวุธได้
โดยวิธีนี้พวกเขาสามารถใช้ความได้เปรียบทางอาวุธได้เมื่อยามที่พวกเขาต้องการ
นี่เป็นความได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่
พวกนักดาบฝึกหัดสามารถเปลี่ยนอุปกรณ์ของพวกเขาให้เป็นไปตามความแตกต่างของสายอาชีพนักสู้
ดังนั้นพวกเขาสามารถปฏิบัติการในระหว่างการออกล่าได้อย่างเฉียบคมเมื่อต้องต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับบอส
"มันจบหมดหรือยัง?"
"ครับ!
จัดการรวบรวมพวกสมบัติเรียบร้อยแล้วครับ มันมาจากมอสเตอร์เหล่านั้น ส่วนใหญ่เป็นพวกอาวุธและเหรียญเงินจากป้อมปราการอาณาจักรนิฟเฮมกองสุมกันอยู่"
"ในกองอุปกรณ์, มีพวกที่ฉันสามารถใช้ได้ไหม?"
"พวกมันทั้งหมดเป็นอุปกรณ์เก่าๆ...อย่างพวกกองเสื้อเกราะ
แต่ดูแล้วคงต้องเอาไปซ่อมก่อน"
"แล้วค่อยเอาของพวกนี้ไปให้วีดดูทีหลังแล้วกัน
ตอนนี้กินข้าวกันก่อน, แล้วค่อยไปดันเจี้ยนถัดไป มันต้องมีสักตัวที่แข็งแก่งกว่าที่นี่"
"ครับ, อาจารย์"
เหล่าครูฝึกและนักดาบฝึกหัดเริ่มกินขนมปังข้าวบาร์เล่ย์เพื่อเติมท้องให้อิ่ม
แล้วพวกเขาก็เดินทางไปยังดันเจี้ยนอื่นๆใกล้บริเวณนั้น
โดยไม่แม้แต่จะกลับไปและซ่อมแซมอุปกรณ์ของพวกเขาที่ป้อมปราการเวอร์โก้
และอีกครั้ง,
มีนักดาบฝึกหัด 39คน เป็นผู้เคราะห์ร้ายในพื้นที่
หลังพวกเขาทำการเคลียร์ดันเจี้ยน
"บริเวณรอบๆนี้มีพวกมอนสเตอร์และดันเจี้ยนดีๆ
เยอะแยะมากมายเลยนะ"
"มันดูเหมือนพวกมันเป็นของพวกเราเลยครับ,
อาจารย์"
"เอาละ, ดันเจี้ยนบริเวณใกล้ๆต่อไปอยู่ที่ไหน?"
"ตามคำบอกของพวกคนเถื่อน,
มันตั้งอยู่ตรงทางข้างหน้านี้"
"ถ้ามันอยู่ใกล้ๆ งั้นไปกันเถอะ
พวกเราจะได้กินข้าวที่นั่น"
แล้วเหล่านักดาบก็เข้าไปในดันเจี้ยนอีกครั้ง
นี่เป็นดันเจี้ยนที่สามที่พวกเขาเข้าไปและยังคงเป็นอีกหนึ่งแห่งที่สุดหิน
ในที่นี้,
มีนักดาบฝึกหัดตายไป 53 คน อีก 130 คน ได้รับบาดเจ็บและมันคงเป็นการยากที่พวกเขาจะสู้ต่อในอีกสองวันถัดไป
เว้นแต่พวกเขาจะได้รับการรักษาโดยเวทย์มนต์
"ส่งพวกเด็กๆที่บาดเจ็บไปป้อมฯเวอร์โก้,
พวกเราไปที่ดันเจี้ยนต่อไป"
"ครับ, อาจารย์"
อาจารย์นักดาบต้องการให้ความแข็งแกร่งพวกเขาได้พัฒนาขึ้น
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงตัดสินใจให้พวกเขาทำต่อไป
ในเมื่อเลเวลของพวกเขาเกือบทุกคนเกินกว่า
300 ไปแล้ว, มันจะเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงถ้าพวกเขาต้องตายลง
ผู้เคราะห์ร้ายมากมายเป็นนักดาบฝึกหัด
ดังนั้นพวกเขาต้องร่วมมือกันให้มากขึ้น
จนถึงบัดนี้,
บรรดามอนสเตอร์ที่พวกเขากำลังเข้าต่อสู้นั้นแข็งแกร่งเกินกว่าเหล่ามอนสเตอร์ทั่วๆไป
มันทำให้พวกเขาเสียวสันหลังเมื่อพวกเขาคิดถึงเลเวลและความเชี่ยวชาญในเจ้าแห่งอาวุธต้องลดลง
อย่างไรก็ตาม
เนื่องจากผู้คนมากมายกำลังจะตาย, เหล่านักดาบฝึกหัดต้องร่วมมือกันให้มากขึ้น
แม้กระทั่งร่างกายของพวกเขาจะอาบไปด้วยลูกศร,
ถ้าพวกเขายังคงมีพลังชีพเหลือมากพอ, พี่ใหญ่ทั้ง
4 ยังคงกระโจนเข้าต่อสู้
"พวกเจ้าทั้ง 350 คน, ถอยไปด้านข้าง!"
หนึ่งในพวกเขาบาดเจ็บสาหัสอยู่บนพื้น
และรุ่นพี่คนหนึ่งยังคงช่วยเขาราวกับว่าพวกเขาโจมตีไปทั่วทุกที่!
เหล่าครูฝึกและนักดาบฝึกหัด
ก้าวเข้าหาและใช้ทักษะของพวกเขาในการต่อสู้ พวกเขาควรจะระมัดระวังให้มากขึ้น
เมื่อพวกเขากำลังทำการออกล่าภายในเขตแดนของรังมอนสเตอร์;
แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขายังคงเสี่ยงสู้ต่อไปและเร่งการล่าให้เร็วขึ้น
เมื่อพวกเขาเห็นจุดอ่อนของพวกมอนสเตอร์,
ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไร, พวกเขาจะผนึกกำลังกันและเพ่งความสนใจในการโจมตีของพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะเอาชนะได้
นักดาบ2,
นักดาบ3, นักดาบ4
และนักดาบ5 กับเหล่าครูฝึก, นักดาบคนอื่นๆและ
เหล่านักดาบฝึกหัดรุ่นพี่ ร่วมมือกันโจมตี และเอาชนะได้ ราวกับว่าพวกเขานั้นเป็นดั่งเขี้ยวอันคมกริบ
ด้วยหลายปีแห่งความทุกข์ทรมานของแต่ละคน,
พวกเขาเพียงแค่ชำเลืองแลกันไปมา ก็ทำให้พวกเขาไม่เคยบกพร่องอะไรในการรบ
"นักดาบ2, มันหนักไปไหม?"
"ไม่เลยครับ ท่านอาจารย์
อันที่จริงมันแค่สนุกนิดๆ ไปดันเจี้ยนต่อไปกันเถอะ"
"ลุยกันเลย!"
อาจารย์นักดาบก็ถูกติดดามโดยเหล่าครูฝึกและเหล่านักดาบฝึกหัดด้วยอารมณ์ที่เปลี่ยนไป
พวกเขาได้รับความตื่นเต้นอันเป็นตัวกระตุ้นตัวตนของพวกเขา
ให้จดจำการต่อสู้ที่พวกเขาได้ต่อสู้มาแล้ว
นี่คือวิถีแห่งนักดาบ
ในรอยัลโรด,
เมื่อพวกมอนสเตอร์ตาย, พวกมันไม่ได้ตายจริง
อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงแล้ว, ผู้คนที่ตายและการได้เรียนรู้มัน
จะช่วยให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าได้อีกขั้น
ทีละคืบทีละก้าว,
พวกเขาออกล่าอย่างหนักและเก็บสะสมค่าประสบการณ์(EXP) เพื่อเสริมสร้างความเชี่ยวชาญในทักษะของพวกเขา
พวกเขายังฝึกฝนให้มีความสุขยามเจ็บปวด
แต่,พวกเขาปฏิบัติเช่นนี้เพื่อที่จะได้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
แม้จะมีการต่อสู้ที่เป็นไปไม่ได้,
พวกเขายังคงปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ดีมาก
และด้วยความเร็วในการออกล่าแบบบ้าระห่ำมันก็เพียงพอที่จะทำให้ขนลุกตั้งชัน!
แม้ว่าพวกเขาจะบาดเจ็บที่ขาและยังมีพวกมอนสเตอร์อยู่ในระยะโจมตี,
พวกเขาก็ยังพยายามที่จะสู้ต่อไป
เหล่านักดาบฝึกหัดได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาในเรื่องการต่อสู้
เพื่อที่พวกเขาจะได้เพิ่มเลเวล
***
ขณะนี้วีดอยู่ที่แยกตรงทางเข้าและเพิ่งกลับออกมาจากถ้ำที่ห้า
ถึงแม้ว่าจะมีเพียงที่เดียวที่บรรจุทองและเงิน,
แต่รางวัลอื่นๆก็ทำให้เขายิ้มออก มันก็เพียงพอแล้วที่จะไปถึงสวรรค์
วีดวิ่งวุ่นไปตามถ้ำอื่นๆอย่างรวดเร็ว
เท่าที่จะเป็นไปได้
ทางที่จะเข้าไปในถ้ำมีขนาดเล็กกว่าปรกติเล็กน้อย
ตอนนี้ทำให้เขาคาดเดาว่าพวกที่อาศัยอยู่ที่นี่เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพวกคนแคระ
"ถ้ามันเป็นพวกคนแคระ,
สิ่งที่พวกเขามีอาจจะเป็นสิ่งที่มีราคาแพง
นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันหวังจากเผ่าพันธุ์นี้"
แม้ว่าปากทางเข้าถ้ำจะค่อนข้างแคบ,
แต่พื้นที่ที่ต่อเนื่องสังเกตได้ว่ามีขนาดใหญ่กว่า
พื้นที่และเสาหิน สิ่งอื่นๆ
ภายในถูกขุดขึ้นมา โครงสร้างพื้นฐานของถ้ำทั้งหมดอยู่ภายใน
มันเป็นเมืองแรกในทวีปที่พวกคนแคระสร้างขึ้นและอาศัยอยู่ภายใน,
เป็นเมืองย่อส่วนของรัทเซเบิร์ก(a miniature version
Ratzeburg)
ในฐานะประติมากรและบุคคลที่เป็นเจ้าของเมืองและปราสาท,
ที่นี่มีศิลปะและความรู้ทางโบราณคดีเพียงพอ
ด้วยการสังเกตรูปร่างของเมือง
ก็พอแล้วสำหรับเขาที่จะสร้างอาคารและพื้นที่จากอดีตกาล
อาคารจากอดีกาลใช้ระยะเวลาการสร้างสั้นกว่า
ทั้งราคาต่ำ ด้วยการที่มันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์สูงตลอดจนด้านวัฒนะธรรม, ถ้าการพัฒนาเมืองของคุณอยู่ในระดับต่ำ, สิ่งนี้จะช่วยยกระดับขึ้นได้
แทนที่จะสร้างอาคารใหม่,
เขาสามารถบูรณะรูปร่างของอาคารที่เคยมีอยู่
และคุณสมบัติของมันยังคงได้รับการยอมรับ
ขณะนี้คุณสามารถสร้างอาคารโบราณพิเศษได้
|
ค่าสถานะทางศิลปะ, ความฉลาด, และโชค ได้เพิ่มขึ้น 13
|
เหล่าคนแคระจะต้องยืนตะลึงมองไปที่เมืองรัทเซเบิร์กขนาดย่อส่วนที่ได้สร้างขึ้นนี้
|
เหล่ามนุษย์, คนแคระ, เอลฟ์ และออร์ค อยู่กันอย่างกลมเกลียว
เพราะแบบจำลองแสดงให้เห็นว่าพวกเขาใช้อาคารและโครงสร้างที่หลากหลายแตกต่างกัน
|
ถนนสีชาด(Maroon
Colored Street)
|
การที่ปูหินไปในเมืองจะทำให้การเคลื่อนที่ง่ายขึ้น
|
ช่วยให้พวกม้าและผู้คนเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น
|
คุณสมบัติพิเศษ:
|
คุณค่าเชิงประวัติศาสตร์:
3850
|
คุณค่าทางศิลป์: 498
|
นี่เป็นการส่งเสริมการพัฒนาทางการค้า
|
|
อ่างอาบน้ำออร์ค
(Orcish
Bathtub)
|
บางครั้งหลังจากการต่อสู้, ออร์คที่น่ารังเกียจจะได้กลับบ้านเร็วขึ้นและใช้มันขณะแต่งตัว
|
มันกว้างขวางราวกับสามรถกระโดดลงแม่น้ำเพื่อว่ายเล่นได้
|
มันเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับพวกออร์คที่ทำการอาบน้ำของพวกมันได้สำเร็จและดูน่าเคารพยำเกรง
(ท่าทางพวกออร์คจะเป็นโรคกลัวน้ำ ชิมิ - ผู้แปล)
|
คุณอาจถึงตายได้ถ้าคุณใช้สิ่งนี้ขณะที่พลังชีวิตมีน้อย
|
คุณสมบัติพิเศษ
:
|
คุณค่าทางประวัติศาสตร์ :
1935
|
คุณค่าทางศิลป์ : 179
|
หลังการอาบน้ำ, อัตราการฟื้นทางกายภาพจะเพิ่มขึ้น 45%
|
เสน่ห์ของพวกออร์คเพิ่มขึ้น
3
|
|
อัฒจันทร์โบราณ
(The
Ancient Ampitheatre)
|
ที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ทุกๆเผ่าพันธุ์สามารถถกเถียงถึงภัยคุกคามรอบๆพวกเขาได้
|
แต่ในไม่ช้า,ก็กลายเป็นสถานที่ที่พวกออร์คและพวกคนแคระโอ้อวดความแข็งแกร่งของพวกเขา
|
ในขณะที่มนุษย์สร้างสรรค์พวกละครเพลง
ในขณะที่พวกเอลฟ์แสดงผลงานพลังเวทย์และอำนาจแห่งธรรมชาติของพวกเขา
|
คุณสมบัติพิเศษ:
|
คุณค่าทางประวัติศาสตร์: 7410
|
คุณค่าทางศิลป์: 2930
|
สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมและการเมืองในท้องถิ่น
|
เพิ่มความภักดีของผู้คน
|
|
ลานจัตุรัสไม้ใหญ่
(The
Great Trees Square)
|
สถานที่แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีและความมั่งคั่งของทั้งสี่เผ่าพันธุ์
|
ลานจัตุรัสนี้มีต้นโกตา(Kota
trees)ออกผลอยู่ตรงกลาง
|
เหล่ามารดา
ออร์ค,
มนุษย์, คนแคระ และเอลฟ์ จำนวนมาก
ใช้เวลาดูแลพวกเด็กๆ
|
เมื่อมารดากำลังเลี้ยงดูเด็ก, พวกพ่อแม่ต้องให้อาหารของพวกเขา
|
พวกเขาต้องทำสิ่งต่างๆมากมายจากการขายของที่ไม่จำเป็นของพวกเขา
เพื่อเป็นการช่วยเหลือในการออกล่าและการก่อสร้าง
|
ภาพที่สนุกที่สุดที่เกิดขึ้นที่นี่คือเมื่อเหล่าสามีกำลังเจอปัญหาและภรรยาของพวกเขาก็เอ็ดตะโรพวกเขาที่ต้นไม้นั้น
|
คุณสมบัติพิเศษ:
|
คุณค่าทางประวัติศาสตร์: 9340
|
คุณค่าทางศิลป์: 689
|
จำเป็นต้องสร้างต้นโกตา
|
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบอย่างมากต่อการก่อตัวของเมืองการค้าที่เก่าแก่ที่สุด
|
ซึ่งช่วยในการรักษาสันติภาพและความสงบเรียบร้อยและลดความขัดแย้ง
|
สิ่งที่วีดต้องการคือทองคำสีเหลืองๆ
แต่แทนที่จะเป็นดังนั้น,
สิ่งที่เขาได้รับคือความรู้เกี่ยวกับอาคารและสิ่งปลูกสร้างมากมายในรัทเซเบิร์ก
อาคารในเมืองโบราณมีต้นทุนต่ำ
ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมหรือเทคโนโลยีไม่มีข้อจำกัดใดๆทั้งสิ้น
ดังนั้นแทนที่จะสร้างสถาปัตยกรรมรูปแบบใหม่ๆ,
เพียงแค่บูรณะอาคารและเพิ่มเติมเข้าไป, ก็จะยังคงคุณค่าทางประวัติศาสตร์
วีดได้หวนนึกถึงข้อความที่เขาเคยเห็นโพสต์บนบอร์ดข้อมูลในอดีต
"คุณค่าทางประวัติศาสตร์ของเมือง....
พวกเขาพบซากปรักหักพังจำนวนมากของเมืองที่เรียกว่าแอนติก้า (Antika)"
รัทเซเบิร์กเป็นเมืองที่เกินจะเปรียบเทียบกับเมืองแอนติก้าของมนุษย์
ซึ่งถูกสร้างขึ้นในอนาคตอันแสนไกล
การที่เป็นเมืองที่มีค่าทางประวัติศาสตร์จะชักนำเหล่านักท่องเที่ยวมาจากทั่วทั้งทวีป
การเจริญเติบโตทางวัฒนธรรมจะรวดเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับการพัฒนาเชิงพาณิชย์
"อย่างไรก็ตาม, แล้วทองพวกนั้น มันถูกซ่อนเอาไว้ที่ไหนกันนะ?"
วีดมองไปรอบๆถ้ำของพวกคนแคระและมันดูเหมือนที่นี่จะไม่มีอะไรให้หยิบฉวยมาได้เลย
ยกเว้นเมืองรัทเซเบิร์กขนาดย่อส่วน,
มีเพียงร่องรอยไม่ชัดเจนของที่ที่เคยตั้งเตาหลอมโลหะ
"ฉันค่อนข้างแน่ใจว่าไม่มีสมบัติที่นี่
ไม่น่า! มันยังเร็วเกินไปที่จะสรุป อาจจะมีบางอย่างที่ฉันพลาดไป, พวกเขาอาจจะทิ้งแผนที่หรือบางอย่างไว้ก็ได้"
วีดใช้มือของเขาสัมผัสและค้นหาไปตามกำแพงและเพดาน
เขาสังเกตไปที่วัตถุต่างๆที่ทำด้วยหิน
บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาถูกทำให้มืดบอดด้วยพวกเครื่องประดับ
เขาจึงไม่ได้ละทิ้งความคาดหวังของเขาจนกว่าจะถึงที่สุด
เขายังคงค้นหาและไขว่คว้าความหวังของเขาไว้โดยไม่ยอมแพ้!
"ฉันมั่นใจ แน่นอนว่า,ไม่มีทางที่บริเวณนี้จะไม่มีพวกไอเท็มหลงเหลืออยู่อีก"
วีดเดินห่างออกจากเมืองรัทเซเบิร์ก
เขาถือไม้เท้าแล้วเดินคุ้ยหาไปตามพื้น
เราไม่รู้ว่าสักวันหนึ่งจะมีประติมากรคนอื่นๆอาจได้มาพบถ้ำแห่งนี้
มันจะรู้สึกห่อเหี่ยวแค่ไหนถ้าเขา(วีด)ได้ยินข่าวลือว่ามีบางอย่างถูกค้นพบที่นี่เพราะว่าวีดพลาดไป
มันคงแย่เสียยิ่งกว่ากินไก่กับพิซซ่าค้างคืนและหมดอายุมานานหลายวัน
ต่อด้วยหมูสามชั้น(pork belly)สุกๆดิบๆแล้วนั่งรถสาธารณะด้วยท้องไส้ที่กำลังปั่นป่วน
ตุ๊ง ตุ๊ง~
ในเวลานั้น, บางอย่างส่งเสียงดังที่พื้น
"มีอะไรอยู่ในนี้นะ"
วีดค่อยๆขุดที่พื้นและมองดู
เขาพบถัง 12 ลูกที่ถูกปิดผนึกไว้
"ตรวจสอบ!"
ถังอันหอมหวนของคนแคระ
(น่าจะหมายถึงถังเบียร์-ผู้แปล)
|
ความทนทาน:
4/25
|
เครื่องดื่มนี้ทำมาจากการต้มเบียร์ด้วยผลไม้แตกต่างกันหลายชนิดและเมล็ดธัญพืช
ในขณะนั้น,
|
การผลิตสุราเป็นสิ่งต้องห้ามในหมู่ชนเผ่า
แต่พวกคนแคระกลับลักลอบต้ม กลั่นและดื่มมันบ้าง
|
|
ถังบ่มทำจากไม้เอล์ฟ(elven wood)
นั่นเป็นเหตุผลที่เมื่อเวลาผ่านไป, กลิ่นและรสชาติอันล้ำลึกของมันแทรกซึมเข้าไปในนั้น
|
|
แต่เนื่องจากเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดได้ผ่านไปแล้ว, ปัญหาก็คือว่าสุรายังมีรสชาติอร่อยจริงดังที่กล่าวไว้หรือไม่
|
"มันเป็นเหล้า
แต่ฉันไม่รู้เลยจริงๆว่าฉันอยากจะดื่มมันไหม"
สำหรับวีดแล้ว,
ทุกอย่างที่เป็นของฟรีค่อนข้างเป็นสิ่งที่ดี
แต่นี่มันเกือบจะเน่ามากเกินไปแล้วจริงๆ
แม้ว่าเขาจะขายให้กับคนอื่นแล้วพวกเขาเกิดตายโดยบังเอิญ,
เขาไม่อาจยอมรับความจริงได้ แต่คงต้องทนกล้ำกลืนคำด่าจากพวกเขาเหล่านั้น
สิ่งที่ป้องกันไม่ให้เขาทำอย่างนั้นก็คือการที่ผู้คนจำนวนมากก่นด่า
ทำให้ชื่อเสียงของเขามัวหมอง
"ฉันต้องไปพบกับรุ่นพี่และให้ของนี่กับพวกเขา"
พวกนักดาบอาจจะไม่เสียใจ,
ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะถึงที่ตายเพราะดื่มมัน
มีถ้ำหลายแห่งที่พวกคนแคระใช้อยู่อาศัย,
แต่เขาพบเพียงเศษชามแตกไม่กี่ชิ้นนอกเหนือไปจากพวกถังบ่ม
นอกเหนือจากนี้,
การค้นพบอื่นๆของเขาไม่ใช่เรื่องสำคัญ
"ถ้าจะมีอะไรอีก, ถังบ่มเหล่านี้...คงมีค่าเหมือนกับพวกวัตถุโบราณชิ้นโต"
ด้วยสิ่งนี้,
ใบหน้าของวีดดูแจ่มใสขึ้นมานิดนึง
พวกถังบ่มทำจากไม้เอล์ฟดังนั้นเขาสามารถคาดเดาคุณค่าทางโบราณคดีของมันได้
ขณะที่วัสดุของถังบ่มดี,
วัตถุดิบที่ใช้ในการทำสุรามีความสดใหม่จึงคาดหมายว่าจะดี
วีดมีภูมิหลังในการเรียนรู้สูตรการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากมาย
ซึ่งใช้ในการแก้ไขบางส่วนจาก
สมมุติฐานของเขาเกี่ยวกับการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และทำให้เลเวลทักษะการปรุงอาหารของเขาเพิ่มขึ้น
สมบัติโบราณที่พวกคนแคระทำขึ้น,
อาจช่วยให้เขาเก็บเกี่ยวผลกำไรอย่างมหาศาลในการใช้สูตรเครื่องดื่มนี้
นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้ทักษะการทำอาหารของเขาเพิ่มขึ้นและได้รับความนิยมมากขึ้น
"เหล้า, ฉันจะหมกมุ่นกับมันมาก ถ้ามันเป็นฉัน"
วีดเก็บรวบรวมผลไม้ขณะที่เขาออกล่าในบางเขตแดน
เขามีประสบการณ์มากมายในการผลิตสุราเพราะว่าเขาใช้ในการหมักเครื่องดื่มเหล่านั้น เพื่อขายหรือเป็นของกำนัลให้แก่พวกนักดาบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความต้องการปริมาณสุรามากขึ้น,
สัดส่วนของน้ำที่พอเหมาะจะใช้เพื่อเจือจางมันได้อย่างลงตัวพอดี
ในทวีปเวอร์เซลล์,ไม่มีใครที่ยอดเยี่ยมไปกว่าเขาในเรื่องนี้ (เรื่องขี้โกงนี่เป็นที่หนึ่ง
ชิมิ)
จบตอน
ผู้แปล
: Acid กรด
Editor : แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล
ขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ รีเฟสทุกวันเลย
ตอบลบขอบคุณครับเป็นความสุขของวันนี้เลยทีเดียว
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณหลายๆๆๆ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบเอาเหล้าใกล้หมดอายุ ไปให้ศิษย์พี่ พี่วีดเรานี่เป็นคนดีจริงๆ
ตอบลบ