เล่ม 25
ตอนที่ 10 : หลบหนีจากป้อมปราการเซราบอร์ก
แปลโดย SR
"ใช่แล้ว ฉันยังมีโอกาสอีกครั้งนึง
การที่ฉันจะต้องมาได้ยินเสียงด่าจากการที่มัวมางกอยู่แบบนี้ มันจะทำให้ไม่ได้อะไรเลย!"
วีดเริ่มตัดสินใจอีกครั้ง เขาเลือกที่จะหนีไปพร้อมกับซอยูน
และจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
เซริน่าซึ่งเป็นเจ้าของร้านดอกไม้ในเมืองเซราบอร์กนั้นก็ได้ปรี่เข้ามาหาวีดในทันที
"ขอร้องล่ะค่ะ ช่วยพวกเราด้วยเถอะ!"
"แต่ผมไม่มีพลังที่จะช่วยเหลือพวกคุณนะ..."
"ฉันได้ยินเสียงจากต้นไม้และดอกไม้ว่ามีเพียงคุณเท่านั้นที่จะช่วยพวกเราได้"
ติ๊ง!
|
เควสการอพยพของพลเรือน
|
ด้วยเสียงของต้นไม้
เซริน่าได้พบกับความจริงที่ว่าคุณได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งในอดีต
และในคำร้องขอที่ยากเย็นนี้
มีเพียงผู้เดียวที่จะสามารถปกป้องชาวเมืองจากวิหารเอ็มบินยูได้ ซึ่งก็คือคุณ
ในเมืองเซราบอร์กนี้ คุณเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยชาวเมืองจากโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ได้ด้วยประสบการณ์ในการผจญภัยของคุณ
|
ความยาก: A
|
รางวัล: สร้อยข้อมือที่ทำจากดอกไม้โดยเซริน่า
|
ข้อจำกัดของภารกิจ:
ค่าชื่อเสียงจะลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อพลเรือนเสียชีวิต
|
หากคุณปฏิเสธภารกิจ ชื่อเสียงอันฉาวโฉ่ของคุณจะถูกแพร่ออกไป
และหลังจากนั้นคุณจะไม่ได้รับภารกิจจากอาณาจักรโรเซนไฮม์อีก มีเพียงการตอบยอมรับภารกิจเท่านั้นที่จะทำให้ค่าชื่อเสียงของคุณเพิ่มขึ้น
|
ภารกิจที่เกิดขึ้นมาจากการสั่งสมความสำเร็จในอดีต
ชื่อเสียงและความสำเร็จในเควสทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาไม่ได้มาจากผู้คนเท่านั้น
แต่ดอกไม้และต้นไม้เองต่างก็เคยขอร้องมาเหมือนกัน!
"อึก ทำไมการเป็นประติมากรมันช่างยากเย็นอะไรอย่างนี้นะ..."
วีดเหลือบตามองสร้อยข้อมือที่ทำจากดอกไม้ของเซริน่าที่เธอสวมอยู่ด้วยหางตา
สร้อยข้อมือดอกไม้ของเซริน่าเป็นกำไลที่ร้อยด้วยดอกไม้สมชื่อของมันเลย ดอกไม้พวกนี้ดูเหมือนจะเป็นของที่เด็กๆทำเล่นกันในเวลาว่าง
แต่วีดเองก็สังเกตุอย่างระมัดระวังว่ามันไม่ได้เป็นเพียงไอเทมธรรมดา
ดอกไม้หายากเหล่านี้มีความหมายบางอย่างคือมันถูกพบเพียงแค่ในป่าของไฮเอลฟ์เท่านั้น(High
Elves) ดอกไม้พวกนี้เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งบางอย่าง เพราะมันไม่ได้เหี่ยวหรือตายไปหลังจากที่ถูกเด็ดออกมาจนกระทั่งถึงตอนนี้
พวกมันยังคงมีประกายแห่งชีวิตอยู่บนข้อมือของเซริน่า
'ฉันเคยได้ยินเรื่องของไอเทมที่พวกไฮเอลฟ์ใส่'
สำหรับนักผจญภัยที่เคยไปเยือนหมู่บ้านของไฮเอลฟ์นั้นต่างเล่ากันในร้านค้า
มันเกี่ยวกับราคาของสิ่งที่เกี่ยวข้องกับดวงดาวที่ถูกย้อมไปด้วยพลังของธรรมชาติ
ถ้าหากเขาสามารถสวมใส่สร้อยข้อมือดอกไม้ของเซริน่าพร้อมกับสวมสร้อยข้อมือของบาฮารานแล้วละก็
เขาก็ไม่ต้องการสร้อยข้อมืออันอื่นอีกเลย
วีดเริ่มที่จะเปลี่ยนความคิด
"ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ค่อยมีพลังมากนัก แต่ฉันจะวางแผนอย่างเต็มความสามารถเพื่อช่วยคนล่ะนะ
ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากแค่ไหนก็เถอะ
แต่ฉันจะยังคงยืนยันที่จะช่วยเหมือนเดิม!"
คุณได้ตอบรับภารกิจแล้ว
|
ชื่อเสียงของคุณท่ามกลางพลเมืองของอาณาจักรโรเซนไฮม์ตั้งให้คือ
'ผู้กอบกู้'
|
ในขณะที่ภารกิจที่ไม่คาดคิดนั้นเกิดขึ้น
จำนวนของผู้อาศัยในเมืองที่วีดจะสามารถนำพวกเขาไปในขณะที่หลบหนีจากวิหารเอ็มบินยูนั้นมีจำนวนไม่มากนัก
จะเหลือคนที่ยังมีความสามารถในการนำผู้คนให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัยหลังกำแพงนี้กี่คนกันเชียว?
ที่จัตุรัสของเมืองเซราบอร์กนั้นมีผู้เล่นหน้าใหม่ถึงหนึ่งหมื่นคนที่ไม่รู้จะไปทางไหน
และเลือกที่จะนั่งรออย่างไร้ความหวัง และด้วยการที่พวกเขามีเลเวลต่ำ
มันจึงเป็นการง่ายกว่าที่พวกเขาจะยอมรับความรู้สึกสิ้นหวังในสงครามขนาดใหญ่นี้และยอมแพ้
พวกผู้เล่นหน้าใหม่นี้เป็นพวกที่ต่างกระโจนเข้าไปหลบในพุ่มไม้เพราะว่ากลัวกวางที่วิ่งมาจากทางต้นแอปเปิ้ลที่อยู่ไกลออกไป(กลัวจน...)
แต่ก็มีอีกกลุ่มหหนึ่งที่ยังไม่ได้แยกย้ายจากกลุ่มของครอบครัวตั้งแต่เริ่มเล่นเหมือนกัน
บางคนก็เกียจคร้านเกินที่จะเตรียมตัวอพยพ และบางคนก็กลายเป็นว่าพลัดหลงและตกใจไปกับการหาสมาชิกในกลุ่ม
ไม่ใช่เพียงพวก NPC เท่านั้นที่พยายามจะมีชีวิตรอด แต่เหล่าเพลเยอร์เองก็เช่นกันที่หวังจะมีชีวิตรอดในความหวังอันริบหรี่นี้
แต่ก็มีเพียงเพลเยอร์ที่เลเวลมากกว่า 200
เท่านั้นที่ต่อสู้กับความชั่วร้ายด้วยมโนธรรมของพวกเขา
เสียงจากความโกลาหลในสงครามดังมาจากบนกำแพง
นั่นหมายความว่าพวกเขาเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว
วีดยกเลิกทักษะของเขา
"ยกเลิกประติมากรรมจำแลง"
รูปร่างของเขาเปลี่ยนกลับมาเป็นเหมือนเดิม
แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะช่วยผู้คนให้ปลอดภัยในรูปร่างปกติของเขา
"ฉันคงต้องรีบสร้างมันหน่อยล่ะ"
วีดเรียกมีดแกะสลักออกมา เขาหยิบรูปปั้นที่ประดับตกแต่งอยู่แถวนั้นมาก่อนและแกะสลักมันให้มีรูปร่างขนาดใหญ่เล็กน้อย
พอทำมันให้เป็นรูปแกะสลักของมังกร
แซกๆ!
ทุกครั้งที่มีดแกะสลักของเขาขยับ
จะต้องมีเศษชิ้นส่วนหลุดออกไปก็จะเผยให้เห็นร่างของผู้ต้องการมีชีวิตรอดออกไปทั้งผู้ชาย,
ผู้หญิง และ เด็ก
*****
ทุกสถานีต่างกำลังถ่ายทอดสดฉากในเมืองเซราบอร์กที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงและวิหารเอ็มบินยู
"นี่มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับเวลาที่วิหารเอ็มบินยูจะเข้ายึดเมืองเซราบอร์กสินะ"
"และด้วยอิทธิพลของวิหารเอ็มบินยูที่แผ่ขยายออกไปนั้นจากอาณาจักรโรเซนไฮม์
พวกมันก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตเลยนะ"
"ตอนนี้ในทวีปกลางนั้นมีผู้เล่นหลายคนที่เดินทางไปยังอาณาจักรฮาเวนเพียงเพื่อจะหลบหนีจากการกวาดล้างของวิหารเอ็มบินยู"
"ช่างมันเถอะ เริ่มออกอากาศได้แล้ว!
กำแพงพวกนั้นกับบ้านที่อยู่ใกล้ๆนั่นกำลังไหม้แล้ว.."
เหล่าผู้จัดการต่างพร่ำพรรณาถึงความวิตกกังวลที่จะเกิดขึ้นจากการแผ่ขยายออกไปของวิหารเอ็มบินยู
พวกเขาเริ่มพูดคุยถึงเนื้อหาของการออกอากาศในเรื่องการบุกจู่โจมและเลเวลของมอนสเตอร์ที่ประกอบไปด้วยวิหารเอ็มบินยูและยุทโธปกรณ์ต่างๆอีกมากมาย
เมื่อการถ่ายทอดยังคงดำเนินการต่อ
สถานี NKS ได้สับเปลี่ยนถึงมุมมองในจัตุรัสซึ่งแสดงถึงเหล่าผู้เล่นที่สิ้นหวังอย่างน่าถนาถใจ
“พวกผู้เล่นต้องรีบวางแผนหลบหนีโดยเร็ว
เมื่อกำแพงป้อมปราการเซราบอร์กพังลงมา ความตายจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
นี่มันหายนะสำหรับผู้เล่นใหม่ชัดๆ”
“ความตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับผู้คนที่มารวมตัวกันยังจัตุรัสแห่งนี้”
ราวกับว่าสิ่งที่ผู้จัดการพูดเมื่อสักครู่
ไม่ใช่ฉากที่ปรากฏในตอนนี้ เพลเยอร์นับหมื่นคนต่างลุกขึ้นยืนและมองไปที่บางอย่าง
"นั่นมันอะไรน่ะ?"
"เหมือนจะมีอะไรบางอย่างตรงนั้นนะครับ
เหมือนมีคนกำลังใช้ทักษะแกะสลักอยู่"
มีชายคนหนึ่งกำลังแกะสลักอยู่
รูปแกะสลักมังกรที่เอาไว้ใช้ประดับนั่นเริ่มเปลี่ยนรูปร่างเป็นอย่างอื่น
ราวกับพวกเขาไม่เคยได้เห็นสิ่งที่น่าประหลาดใจแบบนี้มาก่อน
ความละเอียดถี่ถ้วนและความกล้าหาญก็ราวกับจะออกมาจากมีดแกะสลัก
*****
“นั่นมันประติมากรนี่!”
“รึว่าจะ...ไม่ ไม่มีทางเป็นไปได้แน่”
“เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเป็นเขา แต่ว่านี่เป็นที่ที่เขาเริ่มเล่น...”
คนที่กุมความหวังของทุกคนไว้นั่นคือ
เทพสงครามวีด
เมื่อวีดเริ่มสร้างประติมากรรม
ผู้คนที่รายล้อมรอบตัวเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป และยิ่งทำไปเรื่อยๆทุกคนก็ราวกับได้ลืมถึงหายนะที่กำลังรอพวกเขาอยู่ข้างหน้าและจ้องมองการกระทำของเขา
แซก
แซก
รูปแกะสลักที่วีดกำลังสร้างนี้ห่างไกลจากคำว่าสวยงามอย่างมาก
มีเพียงวีดเท่านั้นที่รู้จักทักษะประติมากรรมประทานชีพ แต่ก็ยังมีผู้คนบางส่วนที่คิดว่าบางทีคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาอาจจะเป็นวีด
“จะสร้างของธรรมดาๆไม่ได้
ฉันต้องช่วยเหลือในการต่อสู้อย่างเต็มที่ มันต้องเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งและสร้สงความประทับใจ
บางอย่างที่มันมีชีวิตและเอาชีวิตรอดได้จนกระทั่งวาระสุดท้ายของมันเอง”
หลังจากที่เขาตัดสินใจอย่างยากลำบาก
รูปลักษณ์ของรูปปั้นที่วีดเลือกคือโทรล ถ้าเปรียบเทียบโทรลน้ำแข็งกับออร์คแล้วละก็
มันทั้งคู่ต่างมีแขนขาที่ใหญ่โตและมีกล้ามเนื้อที่ดีเยี่ยม แต่พวกมันก็ยังมีพุงย้วยๆนั่นอีกด้วยล่ะนะ
“ยังไงซะพลังก็มาจากพุงย้วยๆนั่นแหละ!”
แต่ส่วนแขนขาที่เหลือก็ยังคงมีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแรงและหนาราวกับหมีขั้วโลก
เมื่อรูปสลักเริ่มมีความคืบหน้าขึ้นไป
อีกด้วยความเร็วที่มากขึ้น ก็ปรากฏเป็นรูปร่างที่ให้ความรู้สึกโดดเด่นขึ้นมาในทันที
ทักษะการแกะสลักที่ไม่ได้ใช้วีดก็ได้พัฒนามันในตอนที่กำลังขึ้นรูปออร์คนักรบตัวผู้
แต่ผลสุดท้ายแล้วด้วยการค้นพบสิ่งใหม่ๆทำให้ตอนนี้เขากำลังแกะสลักรูปโทรล
“ไม่ได้ หน้ามันยังนิ่งเกินไปเหมือนกับแกะ ไม่มีทางแน่ที่หน้าแบบนี้จะทำให้คนกลัวในสนามรบได้เลย”
วีดรู้สึกไม่ชอบรูปหน้าของโทรลที่ออกมาเลย
เพราะด้วยเปลือกตาที่ต่ำเกินไปทำให้โหนกแก้มดูราวกับกำลังยื่นออกมา และด้วยหัวที่ใหญ่โตของมัน
จึงต้องทำสมส่วนกับฟันที่มีขนาดใหญ่จนทำให้นึกถึงจระเข้ และเพราะขนาดของศีรษะมันทำให้การที่จะเจาะกะโหลกของมันได้ต้องใช้มีดอย่างน้อย
6 เล่มในการเจาะตั้งแต่กลางศีรษะถึงคาง
ถ้าออร์คคาริชวิถูกยกให้เป็นอันดับหนึ่งของเหล่าอันธพาลแล้วล่ะก็
เมื่อรูปลักษณ์นี้ถูกเผยออกไปความชั่วร้ายของออร์คคาริชวิก็จะเป็นแค่ข้าวกล่องเท่านั้น!
“หวา!”
“ซึบ ซึง”
ผู้หญิงและเด็กรวมถึงชาวเมืองเซราบอร์กเริ่มร้องไห้เมื่อเห็นประติมากรรมรูปนี้
แต่มือของวีดก็ยังคงขยับต่อไปจนทำให้มันดูคล้ายกับว่ามีชีวิตจริงๆ
“ต้องยอมรับอย่างแท้จริงว่ามันไม่ได้สมบูรณ์เพราะมันเป็นงานเร่งด่วน”
ถ้าเขาสามารถทำได้อย่างในจินตนาการละก็
ส่วนหน้าผากของมันจะต้องยุบลงไปมากกว่านี้ คางก็น่าจะแหลมกว่านี้อีกเล็กน้อยและสิ่งที่ดูขัดตาที่สุดเลยก็คือหูทั้งสองข้างของมันที่ดูแสนจะธรรมดา
“มันน่าจะดีกว่านี้ถ้าเอาลิ้นโผล่ออกมาหน่อยแล้วก็มีเกล็ดขยับไปมา”
ประติมากรรมชิ้นนี้เป็นแหล่งรวมจุดเด่นที่หยิบมาจากสายพันธุ์โทรลน้ำแข็งเพื่อให้ความรู้สึกที่น่าหวั่นเกรง
แต่วีดเองก็เป็นผู้ที่มีค่าศิลปะสูงอยู่แล้วด้วย
โปรดตั้งชื่อให้กับประติมากรรมของท่าน
|
“โทรลหิมะผู้กระหายการต่อสู้”
วีดเลือกชื่อที่มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะสามารถสู้ได้จนจบสงคราม
'โทรลหิมะผู้กระหายการต่อสู้ใช่หรือไม่?'
|
“ยืนยัน มาสู้กันจนกว่าจะตายไปข้างนึงเลยดีกว่า”
ประติมากรรม 'โทรลหิมะผู้กระหายการต่อสู้' เสร็จ แล้ว!
|
หากให้ตีความแล้ว มันก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวทางในการสร้างประติมากรรมทั้งหลาย
จากมังกรเปลี่ยนเป็นโทรลหิมะ
|
ผลงานนี้ไม่ได้ตรงตามมาตราฐานสักเท่าไหร่นัก จนถึงตอนนี้การปล่อยมันทิ้งไว้ก็คงจะดีที่สุด
|
คุณค่าทางศิลปะ : 3
|
คุณสมบัติพิเศษ : สำหรับผู้ที่ได้มองดูรูปปั้นโทรลหิมะผู้กระหายการต่อสู้จะได้รับอัตราการเพิ่มพลังชีวิตและมานาเพิ่มขึ้น
8% ตลอดวัน
|
ผลการรักษาอาการบาดเจ็บเร็วขึ้น 7% ตลอดวัน
|
ค่าพลังเวทมนต์และค่าความศรัทธาลดลง 25
|
ค่าเสน่ห์จะไม่ปรากฏ
|
ค่าความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 41
|
ค่าความว่องไวเพิ่มขึ้น 5
|
ทักษะการแกะสลักเพิ่มสูงขึ้นแล้ว
|
จากการแกะสลักรูปประติมากรรมของมอนสเตอร์ประเภทสัตว์อสูร ทำให้ค่าชื่อเสียงลดลงไป 16 แต้ม
|
จากการทำลายผลงานประติมากรรมตัวต้นแบบ ค่าชื่อเสียงลดลง 143 แต้ม
|
ค่าเกียรติยศและค่าศิลปะลดลงอย่างละ 1 แต้ม
|
วีดค่อนข้างพึงพอใจกับผลงานของเขาถึงแม้ว่าจะมีคนคอยนินทาเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
“สิ่งสำคัญที่สุดในงานศิลปะคือ การทำให้ตนเองพอใจ”
ประติมากรรมที่เสร็จสิ้นแล้วก็มีผู้พบเห็นเป็นจำนวนมากทั้งที่มาจากจัตุรัสกลางเมืองรวมถึงผู้ที่กำลังรับชมอยู่จากการออกอากาศ
เสียงกระหึ่มแห่งความวินาศและความโกลาหลดังขึ้นมาจากทางกำแพงเมืองอย่างไม่สามารถจะหาคำอธิบายใดๆได้เลย
แต่ละกลุ่มเตรียมพร้อมที่จะหนีจากสถานการณ์นี้แล้ว ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดเมื่อสักครู่
วีดก็แฝงตัวเข้าไปหลบอยู่ในร่มผ้าใบผืนใหญ่ก่อนจะรีบใช้สกิลของตัวเอง
“ประติมากรรมจำแลง!”
เมื่อทักษะประติมากรรมจำแลงถูกใช้
ค่าความสามารถของประติมากรก็ถูกแทนที่โดยรูปแกะสลัก!
ร่างกายของวีดเริ่มใหญ่ขึ้น พุงเริ่มหนาและย้วยออกมา ผิวหนังของเขากลายเป็นสีขาวราวกับให้ความรู้สึกที่บริสุทธ์
แต่นั่นก็ทำให้เกิดความรู้ที่น่าเกรงขามเมื่อเผชิญกับสถานการณ์คับขันเช่นกัน
เพราะความไม่เหมาะสมของขนาดอุปกรณ์สวมใส่ เครื่องแต่งกายส่วนใหญ่และอาวุธจึงถูกถอดออกและไม่สามารถใช้ได้
|
ท่านสามารถใส่เกราะเหล็กกล้าได้แล้วในขณะนี้
|
โปรดสวมใส่อุปกรณ์และเครื่องประดับที่เหมาะสมกับรูปลักษณ์หรือเผ่าพันธุ์ของคุณ
|
จากผลการใช้งานทักษะประติมากรรมจำแลง ค่าความแข็งแกร่งและพลีงชีวิตของท่านได้เพิ่มขึ้นสูง
และเนื่องจากรูปลักษณ์ของท่านทำให้การฟื้นฟูพลังชีวิตไวขึ้น ค่าความฉลาดและสติปัญญาลดต่ำลงอย่างมาก
อัตราการล้มเหลวในการใช้สกิลระหว่างการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้น ค่าความฉลาด,สติปัญญา, ค่าศิลปะ,
ค่าความศรัทธา, ค่าเสน่ห์, ค่าเกียรติยศ ทุกอย่างลดลงอย่างมาก และจะมีผลจนกว่าจะยกเลิกทักษะประติมากรรมจำแลง
|
ความสัมพันธ์กับธรรมชาติถูกใช้งาน ความสามารถในการต้านทานอากาศหนาวเย็นของโทรลหิมะ +239%
|
วีดที่ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาไปแล้วก็พูดขึ้น
“ด้วยค่าความแข็งแกร่งที่เพิ่มสูงขึ้น สิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือสู้ล่ะนะ หน้าต่างสถานะ!”
ชื่อตัวละคร วีด
|
สถานะ มอนสเตอร์
|
เลเวล 406
|
เผ่า โทรลน้ำแข็ง
|
พลังชีวิต 376,271 มานา
1,650
|
ค่าความแข็งแกร่ง 1,428 ความว่องไว 1,395
|
ค่าพลังใจ 1,684 สติปัญญา 15 ความฉลาด 11
|
จิตวิญญาณนักสู้ 719 ความอึด 662
|
ความอดทน 959 ค่าศิลปะ
70
|
บารมี 462 ค่าความเป็นผู้นำ 761
|
โชค 3 ศรัทธา 5 เสน่ห์ 8
|
ความยืดหยุ่นของร่างกาย 881 ศักดิ์ศรี 6
|
สมาธิ 152 ความกล้าหาญ 170
|
*สถานะจากเผ่าโทรลน้ำแข็งทำงาน
|
การฟื้นฟูพลังชีวิตและค่ากำลังใจเพิ่มสูงขึ้น ความเย็นแผ่ออกมาจากร่างกาย
และจากการเปลี่ยนแปลง ทักษะจะถูกปรับเพื่อให้เหมาะสม เป็นทักษะขั้นต้นเลเวล 8
|
นี่มันแค่มุมมองด้านเดียวเท่านั้น!
ค่าสถานะต่างๆนั้นได้เพิ่มขึ้นตามเลเวลอย่างมีจุดประสงค์และมันก็อาจจะเพิ่มมากขึ้นอีกก็ได้
ในระหว่างที่เควสกำลังดำเนินต่อไป วีดได้วางแผนไว้ว่าจะเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของตัวเองให้สูงขึ้น
แต่ผลสุดท้ายแล้วไม่ใช่เพียงแค่ความแข็งแกร่งเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น ค่าความว่องไว,
กำลังใจ, ความอดทนและความยืดหยุ่นของร่างกายต่างเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
“นี่มันเยี่ยมไปเลย”
เสียงของเขาเปลี่ยนไป
เป็นทุ้มลึกแต่ก็ก้องกังวานอีกด้วย
เมื่อผ้าใบที่เขาเข้าไปถูกเปิดออก
ผู้คนด้านนอกต่างตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น รูปปั้นโทรลน้ำแข็งกับกลายเป็นสองตัวได้ยังไง
แถมโทรลน้ำแข็งตัวใหม่ยังมีผิวสีขาวราวกับหิมะและยังขยับได้อีกด้วย นี่ทำให้ความลับอันยิ่งใหญ่ของทักษะประติมากรรมจำแลงถูกเปิดเผยออกสู่สายตาของคนทั่วทั้งโลก
แต่มันไม่ใช่ปัญหามากนักเพราะหลายคนก็ยังไม่สามารถใช้มันได้จนกว่าพวกเขาจะได้เรียนรู้มัน
วีดตะโกนออกมาพร้อมกับใช้ทักษะราชสีห์คำราม
แต่ทำให้มานาก็ถูกใช้ไปเป็นจำนวนเพื่อทดแทนความล้มเหลวในการใช้ทักษะ
“ผมคือ
วีด!”
“ว๊ากกก!!!”
*****
เซอร์กะรู้ข่าวที่เกิดขึ้นที่เมืองเซราบอร์กโดยที่ในใจก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับสมาชิกในปาร์ตี้อยู่เล็กน้อย
“จะเกิดอะไรขึ้นกับพี่วีดมั้ยนะ?
แถมพี่เขายังมีศัตรูตั้งเยอะแยะเลยนี่นา” ในรอยัลโร้ดนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติมากสำหรับผู้เล่นที่มีชื่อเสียงที่จะมีคนเกลียดและพร้อมที่จะแทงข้างหลังในตอนที่เผลอหรือไม่ระวัง
และสำหรับผู้เล่นจากกิลด์เฮอร์มีสที่โดนลูกหลงและตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมวิหารเอ็มบินยูนั้น
จะมีอะไรที่น่าอับอายกว่านี้อีกเหรอ!?
เพลสะกิดเซอร์กะเบาๆ
“คนอย่างพี่วีดน่ะมีความสามารถในการเอาตัวรอดอยู่แล้วล่ะ เธอไม่ต้องห่วงมากนักหรอก
ถึงแม้ว่าจะมีใครอยากฆ่าเขาแค่ไหนก็ตาม เขาก็จะไม่ตายหรอก”
“ที่นายพูดมันก็ถูกแหละนะ ไม่ว่าจะทำยังไงพี่วีดก็กลับมาพร้อมกับความแข็งแกร่งที่มากขึ้น
เหมือนกับแมลงสาบที่โดนฉีดยาฆ่าแมลงแล้วไม่ตายนั่นแหละ”
“แน่นอนเลยล่ะ!”
ถ้านี่เป็นวีดล่ะก็
เขาจะต้องไม่เป็นไรอย่างแน่นอน เขาเป็นคนที่พยายามหาเงินให้ได้ถึงแม้ว่าจะเป็นในฤดูร้อนที่อากาศร้อนราวกับนรก!
ตอนนี้ปาร์ตี้ของวีดกำลังพักผ่อนอยู่ที่เมืองโมราต้า
และชมการถ่ายทอดสดที่เกิดขึ้นในเมืองเซราบอร์ก หลังจากที่วิหารเอ็มบินยูนั้นเข้ามารุกรานอย่างไม่ทันตั้งตัว
พวกเขามั่นใจมากว่าวีดจะเป็นคนหนึ่งที่สามารถคิดหาทางหนีออกมาได้โดยง่าย
แต่แล้วภาพก็กลับไปที่ใครบางคนกำลังแกะสลัก
ทุกคนที่อยู่ในร้านต่างตกตะลึงในสิ่งที่กำลังเห็น
“หรือว่านั่นจะเป็น… พี่วีด…”
“แน่ใจนะ?”
คนที่แกะสลักท่ามกลางเหล่าผู้เล่นหน้าใหม่!
“ฉันเดาไม่ออกเลยว่าทำไมพี่วีดถึงทำอะไรแปลกๆ ไม่สมกับเป็นเขาเลยแบบนี้”
แต่นี่คือคนเดียวกันกับที่เอาเปรียบพวกผู้เล่นใหม่ที่เขารู้จักนั่นแหละ
พวกเขาต่างคิดอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง
หรือว่าคนที่อพยพอยู่ช่วยพวกผู้เล่นใหม่จะเป็นพี่วีดจริงๆ?
บนจอกลับโชว์ภาพของวีดที่กลายเป็นโทรลน้ำแข็งที่กำลังแผดร้องอยู่
“ฉันคือวีด!”
ขณะนั้นเองก็ปรากฏเป็นเสียงเงียบกริบไปทั่วทั้งพวกผู้เล่นใหม่และผู้เล่นที่มารวมตัวกัน
ณ จัตุรัสในเมืองเซราบอร์ก
“เฮ้ย!!!”
“นั่นคุณวีด คุณวีดอยู่ในอาณาจักรโรเซนไฮม์!!”
“เทพสงครามวีดปรากฏตัวแล้ว”
ท้องถนนทั่วทั้งโมราต้าต่างตกอยู่ในความยุ่งเหยิง
“แล้วคุณวีดไปอยู่ที่เมืองเซราบอร์กตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย?”
“อย่างที่คิดเลย! ไม่มีทางที่เขาจะหนีไปโดยที่ทิ้งคนอ่อนแอไว้หรอก
ฉันรู้ว่าเขาอยู่เพื่อช่วยเหลือคนอื่นแน่”
“แน่นอน มันต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน”
“พวกเราไม่ได้เคารพวีดอย่างเดียวเฉยๆหรอกนะ”
เหล่าผู้เล่นในโมราต้าต่างชื่นชมกับการกระทำของวีด!
เพล,
เซเฟอร์ รวมถึงเมเพนต่างไม่คาดคิดกับเหตุการณ์ตรงหน้า
‘มันเป็นอย่างนี้จริงๆใช่มั้ย?’
‘ผมไม่คิดเลยว่าจะได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาจนวันนี้ เขาช่างอ่อนโยนและดูเป็นมิตรสหายที่ดีคนนึง’
‘ฉันว่าเขาน่าชื่นชมมากกว่าฉันซะอีก ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าเขาแฝงตัวเข้าไปเพื่อช่วยเหลือผู้คน’
เมื่อพวกเขาได้รู้จักวีดอย่างใกล้ชิด
พวกเขาจะรู้ว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างธรรมดาและเมื่อพวกเขาคิดว่ารู้จักวีดดีพอแล้ว วีดต่างก็ทำให้ความเข้าใจของพวกเขาผิดอีกครั้ง
และยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกผู้เล่นที่อาศัยในโมราต้า (ประมาณว่าขนาดคนใกล้ตัวยังตกใจ แล้วคนที่รู้จักแค่ผิวเผินอะไรประมาณนี้)
ทรัพย์สินทุกอย่างในโมราต้าต่างถูกพัฒนาขึ้นโดยวีด
และด้วยกฎเกณฑ์ที่แตกต่าง ทำให้เหล่าผู้เล่นที่อาศัยอยู่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนน่าตกใจ
ถึงแม้ว่าเขาจะมีอาชีพเป็นประติมากร แต่ก็ไม่มีใครเลยที่มีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมเทียบกับเขาได้!
‘คุณวีดเป็นคนใจดี
แน่นอนว่าจะต้องช่วยเหลือคนอื่น’
‘เขาไม่เคยเตรียมการอะไรแต่ก็ยังสามารถพัฒนาโมราต้าตั้งแต่ยังไม่มีอะไรด้วยทรัพยากรของตัวเอง
ส่วนลอร์ดคนอื่นๆก็มัวแต่สนใจว่าจะทำยังไงถึงจะเพิ่มภาษีได้’
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่จะนับถือเขาโดยที่เหตุผลต่างๆมาจากความสำเร็จที่เกิดขึ้นมากมายในโมราต้า
“คนจิตใจดีแบบนี้ยังมีชีวิตอยู่บนโลกด้วยเหรอ…”
“นั่นเป็นเพราะว่ามีแต่คนชอบคุณวีด เลยทำให้ทวีปเวอร์เซลล์ไม่ได้ตกไปสู่ความมืดมิดไงล่ะ”
“โจ๊กหญ้าจงเจริญ! โจ๊กหญ้าจงเจริญ!”
*****
วีดรวบรวมผู้คนที่มีเลเวลมากกว่า
300 ที่อยู่ในจัตุรัส ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาในตอนนี้ก็เทียบได้กับการฆ่าตัวตายหมู่หากเผชิญหน้ากับกองทัพของวิหารเอ็มบินยู
ดังนั้นพวกเขาเลยหาทางที่จะหลบหนีออกไปแทน
“ลองไปทางใต้ดูมั้ย?
พวกมันรวมตัวกันอยู่ตรงนั้น ถ้าพวกเราฝ่าวงล้อมไปได้ล่ะก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว”
“แต่ทางตะวันตกมีพวกมันน้อยกว่านะ
ฉันว่าพวกเราควรจะหลีกเลี่ยงพวกมอนสเตอร์น่าจะดีกว่า”
เหล่าผู้เล่นเลเวลสูงที่ไม่ได้รีบร้อนหนีไปแต่แรกต่างพูดคุยกัน
แต่เมื่อพวกเขาพบความหวังที่มีอยู่เพียงเล็กน้อย พวกเขาต่างเริ่มทุ่มสุดตัวในการหาทางหนีออกไป
วีดต่างรู้สึกสงสารพวกเขา
“จะทางใต้หรือทางตะวันตกก็อันตรายทั้งคู่นั่นแหละ พวกเรามีเยอะเกินไปและรับภาระที่หนักเกินไปในการรวมกลุ่มอื่นๆเข้ากับพวกเรา”
“แล้วถ้าเราตามหลังพวกนายให้พวกนายเคลียร์ทางให้ล่ะ?”
“แบบนั้นมันก็จะทำให้มอนสเตอร์ที่บุกเข้ามาเปลี่ยนเป้าโจมตีไงล่ะ พวกเรามีเยอะกันเกินไปเลยทำให้การเคลื่อนที่นั้นช้าไปด้วย
แถมมันก็ยากที่จะช่วยทุกคนจากมอนสเตอร์ด้วย”
เมื่อจำนวนผู้เล่นมากยิ่งขึ้น
ก็ยิ่งทำให้มีคนที่มีสกิลการป้องกันและช่วยเหลือจากมอนสเตอร์ไม่พอ และถ้ามอนสเตอร์กรูกันเข้ามามันก็จะกลายเป็นหายนะเลยทันที
ไม่มีใครที่จะสามารถตัดสินใจได้อย่างง่ายดายว่าจะไปที่ไหนโดยที่มีชีวิตของผู้อื่นแขวนอยู่บนเส้นด้าย
พวกเขาทั้งหมดต่างเฝ้ารอวีดและถึงแม้พวกเขาจะต้องตายที่นี่ แต่ในใจของพวกเขาต่างสลักไว้แล้วว่าครั้งหนึ่งวีดเคยช่วยเหลือพวกเขา
และตอนนั้นเองที่ซอยูน
ส่งข้อความกระซิบไปหาวีด
มันมีทางลับที่จะพานายออกไปนอกตัวปราสาทได้
ทางลับงั้นเหรอ?
ทางลับอยู่ในวังหลวง
ฉันเองก็ไม่เคยไปหรอกนะ แต่เคยได้ยินมาจากอัศวินของวังน่ะ
ซอยูนมอบแผนที่ให้เขาดู
ท่านได้รับแผนที่เส้นทางลับในอาณาจักรโรเซนไฮม์
|
วีดรีบกวาดตามองและคิดอย่างรอบคอบ
ก่อนจะพบว่ามันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเส้นทางหลบหนีของพวกเชื้อพระวงศ์ยามเมื่ออาณาจักรโรเซนไฮม์เข้าสู่กลียุค
ไปได้มายังไงน่ะ?
ก็ตอนที่มุ่งหน้ามาที่พระราชวังแห่งดวงดาวด้วยสถานะ
PK น่ะ พอดีอัศวินของวังเข้ามาโจมตีฉัน ฉันก็เลยได้มาตอนที่เจ้านั่นตาย . . . . . . . . .
ตามปกติแล้วการป้องกันตัวกลับจนไปฆ่าอัศวินนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลย
และที่สำคัญที่สุดคือการได้รับแผนที่นี้มา มันเหมือนกับว่ายิงปืนนัดเดียวแต่กลับได้นกหลายตัว!
แต่ด้วยวิธีการนั้นราวกับได้ใช้ทางลัดในการได้รับมันมา ตอนนี้มันกลับกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
‘ถ้าทางนั่นมันพาเราออกจากตัวเมืองได้
มันน่าจะมีถึง 6 เส้นทาง’ เขารู้สึกได้ว่าจะต้องมีทางออกอยู่หลายทางเพื่อที่จะช่วยเหลือพวกเชื้อพระวงศ์หนีอย่างแน่นอน
‘ปัญหาหลักคือทางที่ไป มันจะพาเราออกไปจากเมืองเซราบอร์กได้ไม่ไกลพอเนี้ยสิ.
. .’
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถหนีออกไปได้แล้ว
แต่หากระยะห่างมันสั้นเกินไปพวกเขาก็จะถูกพวกมันพบ แต่สิ่งที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือการที่จะต้องหนีออกไปจากเมืองก่อน
วีดตัดสินใจที่จะเรียกความหวังจากเหล่าผูเล่นก่อนเป็นอันดับแรก
“ตอนนี้พวกเราจะมุ่งหน้าออกจากเมืองผ่านเส้นทางลับของอาณาจักรโรเซนไฮม์”
เขาค่อนข้างมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไรในการหนีออกไป
หากคำพูดของเขามีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้คนอื่นเชื่อ
ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปแบบปากต่อปากอย่างรวดเร็ว
“คุณวีดบอกว่าจะช่วยพวกเราทั้งหมดล่ะ!”
“นี่แกพูดว่าไงนะ?”
“พวกเรากำลังจะหนีออกไปผ่านเส้นทางลับในวังหลวง”
“ฉันเชื่อเขาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ เพราะฉันรู้ว่าเขาจะช่วยพวกเรา”
“อ๊า จะกังวลอะไรอีกเล่า ตรงนี้มีคุณวีดอยู่ทั้งคน แถมเขายังไม่ได้เป็นแค่คุณวีด
แต่เขาเป็นเทพสงครามด้วย!”
ความศรัทธาต่อวีดของฝูงชนต่างพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด
ตามปกติแล้วการที่มีความเห็นหนึ่งที่โดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางคนนับพันนับหมื่นคนนั้น จะต้องมีการโต้แย้งกันเกิดขึ้นเพราะต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง
แต่ในครั้งนี้พวกเขาทุกคนต่างตัดสินใจที่จะติดตามวีด เหล่าเอ็นพีซีของเมืองเซราบอร์กเองต่างก็ติดตามไปด้วยตามความเหมาะสมในเควสของเซลิน่าอยู่แล้ว
“งั้นก็ไปกันเลย”
วีด,
ซอยูน และเหล่าผู้เล่รที่มีความแข็งแกร่งต่างเดินนำเพื่อมุ่งหน้าสู่วังหลวง
“หวา.. พวกเรากำลังไปแล้ว”
“ไปได้แล้ว!”
เหล่าผู้เล่นที่อยู่ที่จัตุรัสต่างมุ่งหน้าไปยังพระราชวังด้วยน้ำหนึ่งในเดียวกัน
อาจจะไม่เป็นการกล่าวผิดไปเลยว่าเหตุการณ์ตรงหน้านั้นเหมือนกับการก่อจลาจลไม่มีผิด
“พี่
พวกเรากำลังจะไปไหนงั้นเหรอ?”
“คุณวีดกำลังช่วยพวกเราออกไปน่ะ พวกเราแค่ตามเขาไปก็พอ”
เหล่าผู้เล่นที่อยู่รอบๆจัตุรัสรวมถึงผู้อาศัยในเมืองเซราบอร์กต่างรวมตัวกันตามไป
ทหารยามยังคงเฝ้าอยู่หน้าทางเข้าวัง
แต่พวกเขากลับดูวุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัวที่จะต่อสู้กับวิหารเอ็มบินยู พวกอัศวินที่เฝ้าอยู่ในวังหลวงต่างไม่หลงเหลือเลยสักคน
แต่อย่างน้อยพวกเขาก็มั่นใจแล้วว่ากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายต่างอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว
“พวกเขาหนีไปก่อนแล้ว!”
วีดเปิดแผนที่ขึ้นมาตรงหน้าพร้อมกับเดินต่อไป
มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาเลยในการตามรอยเพื่อที่จะออกไปจากวังตั้งแต่ช่วงที่เขาเข้ามาในพระราชวังดวงดาวจนถึงตอนนี้ที่เขาออกล่า
“มันมีเส้นทางหลบหนีมากเกินไป
ไปที่ๆใกล้ที่สุดก่อนละกัน…”
ทุกๆวังหลวงที่มีเชื้อพระวงศ์อาศัยอยู่ต่างก็มีทางเข้าไปยังเส้นทางลับ
“ตอนนี้พวกเราจะมุ่งหน้าไปที่วังของมกุฎราชกุมารลำดับ 3 ก่อน”
“เข้าใจแล้ว
ฉันจะล่วงหน้าไปสำรวจดูก่อนละกัน”
เมื่อวีดบอกแผนออกไป
ผู้เล่นที่เลเวลสูงด้านหลังเขาและผู้เล่นที่มีเลเวลอยู่ในค่าเฉลี่ยที่ไม่มีกลุ่ม ต่างอาสาไปสำรวจก่อน
เมื่อการสำรวจเสร็จสิ้น
พวกเขาก็พบว่าไม่มีแม้แต่คนหรือของมีค่าอื่นเหลืออยู่เลย
“ไปได้!”
วังของมกุฎราชกุมารลำดับ
3 นั้นเล็กกว่าวังอื่นมาก แถมยังมีกำแพงอิฐและสวนที่มีงานศิลป์ต่างๆมากมาย
และแม้กระทั่งที่นำทางผู้คนอยู่นั้น วีดก็ยังคงตรวจสอบงานศิลป์ตามรายทางไปด้วย
และหยิบเอาผลงานที่มีราคาแพงติดไม้ติดมือกลับมาด้วย
“พวกเราสามารถเข้าไปได้จากห้องนี้”
ในห้องบรรทมของมมกุฎราชกุมาร
ทางลับนั้นตั้งอยู่ภายในตู้เสื้อผ้า ผู้เล่นที่มีอาชีพเป็นนักสำรวจได้สำรวจทุกซอกทุกมุมและได้เปิดทางเข้าไว้ก่อนแล้ว
“เร็วเข้า!”
ดันเจี้ยน , ท่านได้เข้าสู่ทางเดินลับใต้ดินของวังหลวง
|
สิทธิพิเศษ : ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น
315
|
ค่าประสบการณ์และอัตราการดรอปของไอเทมเพิ่มขึ้นสองเท่าตลอดหนึ่งสัปดาห์
|
สำหรับมอนสเตอร์ตัวแรกที่ถูกสังหารจะดรอปไอเทมที่ดีที่สุดออกมา
|
“อ๊าา นี่มันดันเจี้ยน รอก่อน ขอตรวจสอบก่อน!”
นักผจญภัยนาดาล
ก้าวเท้าเข้าไปก่อนและมองไปรอบๆ
“ตรวจสอบดันเจี้ยน!”
ดันเจี้ยน, ทางเดินลับใต้ดินของวังหลวง
|
ทางเดินลับใต้ดินที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับเชื้อพระวงศ์ของราชอาณาจักรโรเซนไฮม์
เพื่อใช้ในวิกฤตการณ์ต่างๆ แต่ทางอาณาจักรเองก็ยังไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องใช้มันมาเป็นเวลานาน
ดังนั้นเชื้อพระวงศ์ต่างๆจึงใช้มันสำหรับการเดินทางที่เป็นความลับ(การเคลื่อนไหวทางการเมือง/ทางการทูต/การทหารหรือแม้กระทั่งหนีเที่ยว เป็นต้น)
ด้วยความที่ทางลับนี้กว้างขวางจึงทำให้ถูกมอนสเตอร์ยึดครองมาเป็นเวลานานจนไม่สามารถล่วงรู้ได้
แต่พวกเขาก็ยังคงใช้ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตอยู่หลายครั้ง
|
ระดับความยาก : ยากระดับสูง
|
ระดับความใหญ่โต : กว้างขวางเป็นอย่างมาก
|
เป็นเพราะทักษะตรวจสอบที่ต้องอยู่ในระดับที่สูงกว่านี้ถึงจะได้ตัวเลขของข้อมูลที่แน่นอนเกี่ยวกับขนาดความกว้างขวางของสถานที่มากกว่าที่จะอ่านข้อมูลที่ปรากฏ!
นักผจญภัยมีช่วงเวลาที่หาข้อเท็จจริงของข้อมูลได้ง่ายมาก
“ให้ตายเถอะ
มันบอกว่ามีมอนสเตอร์อยู่ใต้นี้ด้วย แถมฉันยังรู้สึกว่ามอนสเตอร์พวกนี้ยังมีเลเวลประมาณ
300 ด้วยสิ”
นักผจญภัยพูดขึ้นด้วยความกังวล
ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
เพราะวีดเองก็เคยได้พันธมิตรจากการแจ้งเตือนเมื่อครู่นี้เช่นกัน..
ซึ่งครั้งก่อนนั้นก็แค่กลุ่มของภูติที่ส่องแสงราวกับเป็นหิ่งห้อยปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่วีดได้เข้าไปในดันเจี้ยน
ราชินีส่งพวกเรามา
ทางนี้อันตราย
ทางนั้นก็อันตราย
ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นวีดจะสามารถเคลียร์ทางต่างๆได้อย่างง่ายดาย
จนต้องร้องออกมาว่าเจ้าโทรลน้ำแข็งนี่มันเยี่ยมที่สุดเลย ช่างน่ารักอะไรอย่างนี้
ฉันคิดว่าจะไปทางนี้…
หรือทางนี้ดี?
เหล่าภูติต่างแสดงความสนใจวีดโดยการบินไปรอบๆเขา และมีเพียงผู้ที่มีฐานะสูงศักดิ์เท่านั้นที่จะสามารถมองเห็นเหล่าภูติได้
และถึงแม้ว่าพวกเขาอยากจะเห็นก็ตาม พวกภูติก็สามารถซ่อนตัวตนได้จากมนต์ของชาแมน และด้วยการที่ค่าศีลธรรมของวีดกลับคืนมาสู่ปกติมันก็เหมือนกับได้รับความโชคดีกกลับมาด้วย
และเพราะภารกิจที่เขายอมรับจากราชินีภูติ พวกภูติจึงยอมปรากฏตัวต่อหน้าเขาและให้การช่วยเหลือเขา
จบตอน จบเล่ม 25 ติดตามตามตอนต่อไป
ผู้แปล:
SR
Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล
ค้างหนักมาก
ตอบลบสนุกมากค่าาาา ขอบคุณผู้แปลและทีมงานทุกท่าน
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบเป็นช่วงที่เนื้อเรื่องสนุกมาก..ขอบคุณทีมแปลครับ
ตอบลบสนุกสุดๆไปเลย เราชอบอ่านนิยาย
ตอบลบขอบคุณคับ
ตอบลบขอบคุณที่แปลนะครับ สนุกทุกตอนเลย
ตอบลบขอบคุณครับ แต่ผมอยากอ่านต่อมันติดค้างในใจ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณมากครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบค้างมาก
ตอบลบงานพรีเมี่ยม เทพวีดมีหักมุมตลอด
ตอบลบยกโขยงพาหนี ไม่รู้มีวิกฤติอะไรรออยู่อีก
ตอบลบ