เล่ม 23 ตอนที่
10: มหาราชันย์อวานน่าห์ แปลโดย Cole’s Myth
เหล่าอัศวินแห่งครีม่าก็ขี่ม้ามาถึงแล้วเช่นกัน
วีดเหวี่ยงดาบของเขาสกัดเอาไว้ได้
แต่เขาก็ไม่อาจตั้งรับการโจมตีอันมากมายหลายทางได้ในทีเดียว
-ท่านได้รับการโจมตีคริติคอล
|
ด้วยความยืดหยุ่นทางร่างกาย
ความเสียหายที่ได้รับจึงลดลง
|
-ท่านได้รับการโจมตีคริติคอล
|
ด้วยความยืดหยุ่นทางร่างกาย
ป้องกันไม่ให้มีผลของสถานะมึนงงจากการบาดเจ็บสาหัส
|
-ความคงทนของดาบที่ท่านสวมใส่ถึงขีดสุดแล้ว ดาบของท่านหักแล้ว
|
จากนั้นดาบของวีดก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
แม้ว่ามันจะเป็น
‘ดาบขึ้นสนิมในตำนาน’ เขาก็ใช้มันมาเป็นอย่างดีด้วยการซ่อมแซมมัน
แต่ว่าหลังจากการต่อสู้ในวิหารและสกัดการโจมตีของพวกอัศวิน ความคงทนของมันก็ตกลงอย่างฮวบฮาบและหักไปในที่สุด
-ท่านได้รับการโจมตีคริติคอล
|
หลังจากที่โดนการโจมตีต่อเนื่องห้าครั้งด้วยอาวุธอาบเงินศักดิ์สิทธิ์
ความยืดหยุ่นทางร่างกายของเขาก็ถึงขีดสุด แล้วร่างกายก็เป็นอัมพาตไปทั่วทั้งร่าง
หลังจากโดนการโจมตีใส่อีกสามครั้ง
ค่าพลังชีวิตของเขาก็แทบจะหมดสิ้น จากนั้นเขาก็ล้มนอนลงบนหลังม้า การตกลงจากม้าที่กำลังวิ่งอยู่นั้นทำให้เกิดความเสียหายหนักเอาการ
ถึงแม้เขาจะเป็นเดทไนท์ที่สวมชุด
เกราะเบาก็ตาม
-ค่าพลังชีวิตของท่านต่ำจนอยู่ในระดับอันตราย
|
ท่านได้รับความช่วยเหลือจากคู่แบ่งปันชีวิต
|
-ซอยูนได้แบ่งปันความเจ็บปวดของท่าน
|
พลังชีวิตสูงสุด
114,290
หน่วย
|
ท่านสามารถใช้ทักษะของเบอร์เซิร์กเกอร์
70%
จากค่าความเชี่ยวชาญของคู่รักท่าน
|
-ท่านสามารถใช้ทักษะ ‘เริงระบำแห่งนักรบคลั่ง’(Dance
of Insane Warrior) ที่อยู่ขั้นกลางเลเวล 8
|
ท่านสามารถใช้
‘ทักษะดาบของเบอร์เซิร์กเกอร์’(Berserker’s Swordmanship) ที่อยู่ขั้นกลางเลเวล 4
|
ท่านสามารถใช้ทักษะ
‘ดาบของเพชฌฆาตแห่งความตาย’(Death Executioner’s Swordmanship) ที่อยู่ขั้นกลางเลเวล 6
|
ทักษะบุกโจมตี ‘ความอดกลั้นแห่งการรบ’(Endurance of Battle) ถูกปลดล็อคการใช้งานที่ขั้นกลางเลเวล
7
|
ระหว่างการต่อสู้
โปรดป้องกันการลดลงของค่าพลังชีวิตและบาดแผลที่ได้รับ
|
ด้วยค่าพลังชีวิตบางส่วนของซอยูนโอนถ่ายไปให้กับวีด
เขาจึงสามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
“ทักษะเริงระบำแห่งนักรบคลั่ง,
ทักษะวิชาดาบแห่งนักรบคลั่ง?...”
เขาไม่มีเวลามาตรวจสอบว่ามีทักษะมากเท่าไรที่อยู่ในรายการย่อยของทักษะดาบ
หรือแม้แต่ผลลัพธ์แบบไหนที่มันมี เขาจึงทำได้เพียงแค่ลองใช้ไปเท่านั้น
เขาได้ออกล่ากับซอยูนมาเป็นเวลานาน
แต่ทว่าทักษะที่เธอใช้นั้นปกติก็ไม่ได้แสดงออกมามากนัก
“จะอยู่หรือว่ายอมตาย”
-ท่านติดอาวุธดาบของอัศวินผีสิงที่มีความอาฆาต
|
เขาใช้อาวุธดาบอย่างเร่งรีบแล้วก็ปลดล็อคทักษะ
“ทักษะเริงระบำแห่งนักรบคลั่ง!”
วีดใช้ทักษะกับพวกอัศวินที่พุ่งเข้าใส่เขา
ทุกๆครั้งที่เขาสกัดดาบของพวกมัน เขาก็จะไถลหลังไปราวสองสามเมตร เหลือไว้เพียงแค่รอยสีแดงที่เหมือนกับเลือด
“ตายซะเถอะ!”
ทุกครั้งที่วีดตั้งรับการโจมตี
เขาก็จะเซไปมาแล้วก็เสียค่าพลังชีวิต
‘ฉันเคยเห็นทักษะนี้มาก่อน’
มันคือทักษะที่ซอยูนใช้ต่อสู้กับคูบิยะ
มหานักรบแห่งความโกลาหล แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเสี้ยววินาที แต่สามารถรั้งคูบิยะได้พอสมควร
แถมยังทำให้วีดตกอยู่ในอันตรายอีกด้วย ในตอนที่มานาสีแดงเลือดแผ่ออกไป
พวกมันก็ก่อตัวเป็นสัญลักษณ์พิเศษ จากนั้นก็กลายเป็นพลังงานที่รุนแรงแล้วก็ระเบิดออกมาสู่ภายนอก
-‘ทักษะเริงระบำแห่งนักรบคลั่ง’ ได้เริ่มขึ้นแล้ว
|
การระเบิดขนาดใหญ่ทำให้พื้นดินเป็นรูโล่งกว้าง
เดทไนท์จะเพิ่มการโจมตีของเขาด้วยพลังแห่งความมืดระหว่างการต่อสู้
มันถือว่าเป็นทักษะที่หนักหนาเอาการขึ้นอยู่กับค่าจิตวิญญาณนักสู้
หรือแม้แต่ทักษะวิชาดาบเฮอเรมก็ยังไม่กินมานามากขนาดนี้ แต่ทว่ากับทักษะ ‘เริงระบำแห่งนักรบคลั่ง’ ที่เป็นทักษะโจมตีอันน่าเหลือเชื่อที่ใช้มานาไปมากกว่า
70% ของมานาที่ยังไม่ได้ใช้ของวีด
-อัศวินแห่งครีม่า 6 นายตายไป
|
ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น
469
|
-ได้รับค่าประสบการณ์เล็กน้อย
|
มันเป็นการโจมตีที่รุนแรง
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถป้องกันได้เต็มที่ด้วยชุดเกราะของพวกเขาเพียงอย่างเดียว
วีดสูญเสียสมดุลเพราะแรงผลักของทักษะ แต่ว่าทันใดนั้นเองเขาก็เตะพื้นแล้ววิ่งหนีไป
มีศัตรูอยู่ทั่วไปหมด ดังนั้นเขาจึงต้องการโอกาสที่จะชิ่งออกไปได้
‘ทักษะแรกในวิชาดาบของผู้รุกราน
พันธนาการของนักโทษ’
ขณะที่เขาวิ่งฝ่าทะลุละอองฝุ่น
เขาก็เล็งไปที่อัศวินคนหนึ่งที่ตกลงจากม้าเพราะโดนทักษะ ‘เริงระบำแห่งนักรบคลั่ง’ เข้าไป
วีดเล็งไปที่จุดตายของเขาแล้วก็ฟันดาบเข้าที่คอของอัศวิน
-ทักษะพันธนาการของนักโทษโจมตีโดนเป้าหมายแล้ว
|
จนกว่าเป้าหมายจะตายหรือได้รับการรักษาโดยนักบวช
พันธนาการจะไม่หายไป
|
เลือดที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
ทำให้ค่าพลังชีวิตลดลง 160
หน่วยต่อวินาที
|
วีดใช้ทักษะ ‘พันธนาการของนักโทษ’ กับอัศวินไปแปดคน
เขาสามารถโจมตีอัศวินคนหนึ่งได้ถึงสี่จุด
‘ทักษะที่สอง….ดาบแห่งจิตวิญญาณนักสู้’
‘ทักษะที่สอง….ดาบแห่งจิตวิญญาณนักสู้’ คือทักษะที่สามารถเพิ่มพลังโจมตีให้กับวีดตามสัดส่วนของความเสียหายที่เขาได้รับมา
จากนั้นเมื่อโจมตีอัศวินคนอื่น เขาก็ปลดล็อคใช้ทักษะที่สาม ‘ดาบแห่งการพิฆาต’
มันเป็นทักษะที่สามารถถูกใช้ได้เฉพาะตอนที่ค่าพลังชีวิตของผู้เล่นต่ำมากๆเท่านั้น
แม้นว่ามันจะเป็นวิชาดาบที่อันตรายก็ตาม
แต่ทว่าทั้งผู้เล่นและศัตรูต่างก็ต้องตายไปทั้งสองฝ่าย
ด้วยการละทิ้งการป้องกันทั้งหมด
แล้วทุ่มเทไปที่การโจมตีเพื่อฆ่าเป้าหมาย มันจึงสามารถเพิ่มพลังทำลายได้อย่างมหาศาล
เพราะว่าวีดที่กำลังต่อสู้กับพวกอัศวินนั้นแข็งแกร่งมากกว่าปกติ
โปลอนและเหล่าอัศวินครีม่าต่างรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก
ด้วยบาดแผลสาหัสแบบนั้นเขาควรจะตายไปแล้ว แต่ว่าเขายังคงขัดขืนจนถึงที่สุด
‘เขามีค่าพลังชีวิตมากแค่ไหนกันเนี่ย’
‘ทักษะกับการเคลื่อนไหวของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยนะ’
ความจริงที่ว่าความยืดหยุ่นและพลังโจมตีของเขานั้นเพิ่มมากขึ้นกว่าตอนที่เขาเริ่มต่อสู้กับพวกเขานั้นเป็นความจริงที่แทบไม่อยากจะเชื่อ
แรกเริ่มโปลอนตั้งใจที่จะมาขอท้าดวลกับเขา
ส่งเขาไปให้พบกับจุดจบแห่งความตายหลังจากที่ต่อสู้แบบตัวต่อตัวแล้ว
เขาก็จะได้รับชัยชนะอันไร้ที่ติ ว่ากันตามตรง การฆ่าวีดนั้นจะเป็นรางวัลเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เขาจึงอยากที่จะขอท้าดวลกับเขา
‘แต่ว่าการฆ่าวีดต้องมาก่อน
ฉันไม่ควรให้เวลาเขาได้ฟื้นตัวเด็ดขาด’
การประเมินในตัววีดนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว
เขาไม่เพียงแค่มีเลเวลที่สูงมากแล้วยังใช้ทักษะออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
แถมเขายังรู้วิธีการต่อสู้และควบคุมการต่อสู้ด้วยกำลังรบที่ด้อยกว่า
แม้แต่ผู้เล่นติดอันดับสูงๆในเครือข่ายสื่อสารของกิลด์เฮอร์มีสเองก็สั่งให้เขาฆ่าวีดไม่ว่ายังไงก็ตาม
‘ฉันไม่ควรให้โอกาสวีดหนีไปได้
แถมฉันก็ไม่อาจแบกรับความเสียหายใดๆได้อีกต่อไปแล้ว’
โปลอนฝึกเหล่าอัศวินแห่งครีม่ามาเองกับมือ
ยิ่งการต่อสู้นี้ยืดเยื้อ
พวกเขาก็ยิ่งได้รับบาดเจ็บและถูกฆ่าไปโดยพวกอันเดดที่ค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมา
โปลอน: ฉันอนุญาตให้นักเวทย์กับเรนเจอร์โจมตีวีดโดยตรงได้เลย
หลังจากที่ออกคำสั่งไปให้เหล่านักเวทย์กับเรนเจอร์
เขากับอัศวินก็ถอนกำลังกลับมา
ยามรุ่งอรุณกำลังมาเยือน
วีดสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างน่าสงสัยกำลังจะเกิดขึ้น
เขาจึงเกาะติดพวกอัศวินครีม่าเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโอกาสโดนโจมตี
โปลอน: โจมตีไปเลย แม้ว่าจะได้รับความเสียหายบ้าง แต่ก็จะทำให้ฆ่าวีดได้เร็วขึ้นและก็จบการต่อสู้ได้เร็วอีกด้วย
เวทย์ถูกร่ายออกมาแม้จะมีเหล่าอัศวินอยู่ในระยะโจมตีก็ตาม
ขณะที่เวทย์ถูกร่ายออกมา
ลูกธนูก็ถูกยิงตรงไปที่ที่วีดกับพวกอัศวินที่กำลังมะรุ่มมะตุ้มกันอยู่
‘ตอนนี้หละ’
วีดขโมยม้ามาอย่างรวดเร็วแล้วควบมันหนีสุดแรงเกิด
เขาคอยจับตาดูสีหน้าและพฤติกรรมของพวกผู้เล่นในกลุ่มอัศวินครีม่า
จากนั้นเขาก็หันกลับไปในทิศทางที่พวกจอมเวทย์อยู่แล้วก็หนีไปโดยไม่เหลียวหลัง
มันคือสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของสัตว์!
แกร๊งงง!
เบื้องหลังของทิศทางที่วีดกำลังขี่ม้าอยู่
เหล่าอัศวินครีม่าตายไปเพราะเวทย์และลูกธนู
“โจมตีต่อไป ฆ่ามันซะ!”
ภายในระยะเสียงอันดังสนั่นของโปลอน
วีดจึงต้องทำการตัดสินใจ
ไม่มีที่ใดให้หนีภายในที่ราบนาตาเลียที่เต็มไปด้วยเหล่าอัศวินและอันเดด
เพื่อที่จะหนีรอดออกไปจากที่นี่ เขาจึงต้องหลบหลีกการโจมตีจากเรนเจอร์และพวกนักเวทย์ต่อไปเรื่อยๆ
แต่ทว่านั่นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหลบได้หมด
ไม่มีทางที่เขาจะสามารถหลบลูกธนูหรือลูกบอลไฟที่ลอยอยู่เต็มไปทั่วท้องฟ้า
แถมยังมีเสาน้ำแข็งกับกองดินอีก
‘ยังเหลือค่าพลังชีวิตอีกราว
32%’
ตามการคาดคะเนของเขา
เขาจะตายในทันทีถ้าหากว่าเขาโดนโจมตีโดยเวทย์ต่อเนื่อง
พวกอัศวินที่พุ่งเข้ามาเร็วๆยากที่จะจัดการได้เช่นกัน เขาสามารถใช้คุณสมบัติของเบอร์เซิร์กเกอร์เพื่อต้านพวกมันเอาไว้
ก็ถือว่าเป็นอีกปัญหาหนึ่ง เหล่าอัศวินที่กระจายกำลังไล่ตามเขาจากหลายทิศทาง
แถมยังมีการสนับสนุนจากพวกนักเวทย์กับพวกเรนเจอร์อีก
เขาคงจะตายไปก่อนจะได้ไปไหนซะอีก
‘ถ้างั้น
ที่เดียวที่ฉันจะวิ่งหนีไปได้ก็คือ…’
วีดควบม้าของเขามุ่งหน้าไปที่วิหารเอลแวนซ์
“ไปกันเถอะ!”
มันเป็นที่เดียวที่ไร้การปิดล้อมและอยู่ตรงข้ามกันกับพวกเรนเจอร์และนักเวทย์ยืนอยู่
วิหารเอลแวนซ์คือสถานที่อันตรายสำหรับอันเดด การวกกลับไปที่นั่นก็เป็นทางเลือกที่คาดไม่ถึงหรือว่าโง่นั่นเอง
“ไล่ตามมันไป อย่าให้มันหนีไปได้!”
เหล่าอัศวินครีม่าเริ่มออกไล่ตาม
แต่เพราะว่าพวกพ้องของพวกเขาตายไปในการโจมตีระยะไกล
พวกเขาจึงรู้สึกลังเลและช่องว่านั้นก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ตามไม่นานพวกเขาก็ปิดช่องว่างนั้นได้จนสนิท
ขณะที่วีดเข้าไปใกล้วิหาร
เขาก็ได้รับผลกระทบจากพลังศักดิ์สิทธิ์ ค่าความแข็งแกร่งและพลังชีวิตของเขาจึงลดลงเรื่อยๆ
แม้ว่าเขามีคุณสมบัติทางอาชีพเบอร์เซิร์กเกอร์ จุดอ่อนของเขาในฐานะอันเดดก็ยังคงมีอยู่
มันจึงกลายเป็นการผสมผสานความเลวร้ายสำหรับการหลบหนีครั้งนี้!
“พยายามมีชีวิตอยู่ต่อไปนี่ไม่ง่ายเลยแหะ”
เมื่อมองไปในบริเวณใกล้เคียง
มีซากศพของพวกอันเดดและมอนสเตอร์เกลื่อนกลาดไปหมด
มันคงจะมีประโยชน์ถ้าเขาสามารถใช้ทักษะแนโครแมนเซอร์ได้
แต่ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คงมีแค่ควบคุมกองทัพอันเดดให้ดีเท่านั้น
เขาจึงทำได้เพียงมุ่งหน้าต่อไป
เพราะว่าเขากำลังรีบจนไม่มีโอกาสที่จะออกคำสั่งพวกอันเดดได้เลย
ราวๆสิบสองวินาทีผ่านไป พวกอัศวินก็คงจะมาถึง
ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลามาลังเลอะไรแล้ว มีร่องรอยของภัยพิบัติทางธรรมชาติและการทำลายล้างมากมายที่กระทำโดยเหล่าอันเดด
วีดเจอรอยแตกมืดๆบริเวณใต้แท่นบูชา
ปกติแล้วคงไม่มีทางฉุกคิดขึ้นมาได้แน่ แต่ในฐานะอันเดด
เขาจึงมีความรู้สึกไวต่อพลังศักดิ์สิทธิ์
มีพลังศักดิ์สิทธิ์มหาศาลไหลออกมาจากรอยแยกนั่น
วีดเริ่มน้ำลายสอ
“จริงๆแล้ว ฉันนี่ไม่มีทางเลือกเลยนะเนี่ย”
แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย
วีดก็ยังทำตามสัญชาตญาณที่นำไปสู่ไอเท็ม จากนั้นวีดก็มุดเข้าไปในช่องระหว่างแท่นบูชา
“มันไม่อยู่ที่นี่”
“มันพึ่งเข้ามานิ
อาจจะกำลังซ่อนตัวอยู่ก็ได้ หาตัวให้เจอ!”
“ถ้ามันเตรียมซุ่มโจมตี
มันอาจจะอันตรายก็ได้นะ”
“มันเป็นอันเดด
คงไม่สามารถทนพลังศักดิ์สิทธิ์นี่ได้นานนักหรอก เราต้องหามันให้เจอโดยด่วน”
เพียงแค่ไม่กี่วินาทีหลังจากที่วีดหายตัวไป
พวกอัศวินครีม่าก็มาถึง
ขณะที่พลังศักดิ์สิทธิ์นี่เป็นข้อเสียเปรียบของวีด
แต่พลังนี้กลับบัฟอวยพรให้พวกเขาฟื้นฟูค่าพลังชีวิต
เมื่อเทียบกับความสามารถตามปกติ พวกเขาสามารถแสดงศักยภาพได้เท่าตัว
มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะเจอวีด แล้วฆ่าเขา
ท่านกลายเป็นผู้ค้นพบดันเจี้ยน
โลกใต้พิภพแห่งวิหารเอลแวนซ์
|
สิทธิพิเศษ: ค่าชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 900
|
ค่าประสบการณ์และอัตราการดรอปไอเท็มสองเท่าเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์
|
มอนสเตอร์ตัวแรกที่ท่านล่ามีความเป็นไปได้ที่จะดร็อปไอเท็มที่ดีที่สุด
|
การได้มาที่นี่หลังจากหลบหนีพวกศัตรู
วีดรู้สึกไม่ปลื้มนักขณะที่มองดูสิทธิพิเศษของดันเจี้ยน ที่นี่ถูกจัดว่าเป็นสถานที่ที่อันตรายสำหรับอันเดด
ดังนั้นเขาจึงไม่อาจล๊อคเอาท์ออกจากเกมไปได้
ในตอนที่เขาล๊อคเอาท์ออกระหว่างการต่อสู้หรือตอนที่ค่าพลังชีวิตกำลังลดต่ำลงไป
ร่างกายของเขาก็จะหยุดนิ่งแล้วก็ตายไปในที่สุด
“เดาว่าฉันคงต้องไปต่อสินะ”
วีดยกดาบขึ้นแล้วออกวิ่งไปข้างหน้า
อาชีพสายเบอร์เซิร์กเกอร์นั้นจะเก่งในการต่อสู้ แต่เมื่อคุณเริ่มหยุดพัก
ก็จะรู้สึกอ่อนแอยิ่งกว่าเดิม
“ไปหาตรงที่ดันเจี้ยนสิ้นสุดดีกว่า!”
มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกอัศวินจะพบทางเข้ามายังดันเจี้ยน
สองสามวินาทีดูผ่านไปเร็วมาก
สองสามนาทีกลับดูผ่านไปช้าเหลือเกิน วีดวิ่งลงไปตามทางเดินในดันเจี้ยน
แม้ว่าจะไม่ได้มองผ่านสายตาของอันเดด ข้างในนั้นก็ดูสว่างกว่าแสงตอนกลางวันซะอีก
นั่นก็เพราะว่า กำแพงทุกด้าน ทุกซอกทุกมุม
หรือแม้แต่คริสตัลที่ฝังลงไปก็ส่องแสงออกมาระยิบระยับ
ค่าพลังชีวิตเหลืออยู่
19%
|
เขาไม่มองดูสิ่งที่น่าสงสัยใดๆแล้วออกวิ่งต่อไปเรื่อยๆ
“ผู้บุกรุก
ผ่านมานานเหลือเกิน สุดท้ายก็มีผู้บุกรุกมาซะที”
มอนสเตอร์ที่ดูเหมือนกับผีเสื้อกลางคืนมีขนาดราวๆสองเมตรกระโจนออกมา
ชื่อของมันคือ
อวานน่าห์
เพราะว่ามอนสเตอร์ตัวนี้กินพลังศักดิ์สิทธิ์เป็นอาหาร
เลเวลของมันจึงอยู่ราวๆ 300
มีการแก่งแย่งครอบครองดันเจี้ยนกันกับพวกอวานน่าห์อยู่เสมอ
เพราะว่าพวกมันมีพลังชีวิตต่ำ มันจึงง่ายกว่ามากที่จะเล็งไปที่ปีกของพวกมันก่อนเป็นอันดับแรก
คงไม่พูดเกินไปเลยว่านี่คือพื้นที่ล่าอันยอดเยี่ยมสำหรับกิลด์เด่นๆทั้งหลาย มันพยุงตัวเองนิ่งๆด้วยปีกอยู่ในสถานที่ที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมาจนกลายเป็นสภาพแวดล้อมปกติของมันไปแล้ว
แต่ถึงกระนั้น
วีดก็ไม่ได้มีเวลาที่จะไปปะทะกับมัน ดังนั้นเขาจึงวิ่งต่อไปข้างหน้า
“ทักษะวิ่งสี่เท้า!”
วีดเพิ่มความเร็วขึ้น
เขากระโดดข้ามลำธารเล็กๆที่ไหลอยู่ภายในดันเจี้ยน และเมื่อมีกับดักหลุมพราง
เขาก็จะแทงดาบของเขาที่กำแพงแล้วปีนขึ้นมา
มันคืออารมณ์ของสัตว์ป่าบ้าคลั่งที่ได้แสดงออกมา
ดูท่าว่าอวาน่าห์จะต้องอยู่ในพื้นที่จำกัด
เพราะว่ามันหยุดโจมตีแล้วก็ไม่ไล่ตามเขามาแล้ว แล้วเขาก็ต้องกลับมากระโดดข้ามบริเวณที่มีลำธารเล็กอีกครั้ง
แม้กระนั้น
เขาก็ยังเหลือค่าพลังชีวิตอีกตั้ง 11%
“เหลืออยู่แค่นี้
ฉันคงไม่สามารถออกไปสู้ได้แน่”
ตอนนี้ค่าพลังชีวิตของเขาเหลืออยู่เพียง
8%
เท่านั้น เพราะว่าเขาอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่กระจายไปทั่ว
ความสามารถในการต่อสู้ของเขาจึงด้อยลงไป
ค่าความแข็งแกร่งกับระดับมานาเองก็เริ่มไหลออกไปเช่นกัน
“ขอเพียงแค่มีประตูเทเลพอร์ตนำไปสู่ซักที่ที่ปลอดภัยละก็…”
เขามีความหวังผุดขึ้นมาแต่ทว่าความเป็นไปได้ที่จะพบมันมีน้อยกว่าหนึ่งในสิบซะอีก
มีบางโอกาสที่หาได้นั้นยากมากๆ อย่างเช่นเมื่อดันเจี้ยนถูกเคลียร์จนหมดสิ้นก็จะมีประตูเทเลพอร์ตนำไปสู่พื้นที่ถัดไป
แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่หวัง
แถมเขายังไม่รู้ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของดันเจี้ยนนี้อีก
“แต่พลังศักดิ์สิทธิ์ทางนี้รุนแรงขึ้นแหะ”
วีดที่เป็นอันเดดกำลังอ่อนแอลงเพราะพลังศักดิ์สิทธิ์
เขาสามารถตายไปด้วยมากมายหลายวิธี ความตายอยู่ใกล้ตัวเสมอ
ดังนั้นเขาจึงอยากจะเข้าไปดูให้เห็นด้วยตาตัวเองว่าอะไรอยู่ที่จุดสิ้นสุดของดันเจี้ยน
และแล้วจุดหมายปลายทางนั้น
เขาก็ได้พบมัน
มหาราชันย์อวานน่าห์
ลอร์ดเดรียม!(Great king Avannah Lordriam!)
เจ้านี่ไม่เหมือนกับอวานน่าห์ทั่วๆไป
มันไม่เพียงสุดยอดเท่านั้น แถมยังมีมนต์ศักดิ์สิทธิ์กับพลังโจมตีสูงมากอีกด้วย
โดยปกติแล้วผู้เล่นจะตั้งปาร์ตี้ที่มีผู้เล่นฝีมือฉกาจขึ้นมาเพื่อต่อกรกับอวานน่าห์ตอนที่มันปรากฏตัว
เพราะว่ามันคือมอนสเตอร์ที่มีเลเวลมากว่า 450 ถ้าหากว่ามันปรากฏตัวแบบปุปปับ
การล่านั้นคงจะต้องล้มไม่เป็นท่าแน่ๆ
พอลองนึกถึงทักษะของมันอย่าง
ทักษะรังสีมืดบอด ทักษะพันธนาการ และทักษะฟื้นฟู มันจึงถือว่ายากเกินไปที่จะล่ามัน
มหาราชันย์อวานนน่าห์
ลอร์ดเดรียมที่กำลังประจันหน้ากับวีดกำลังถืออัญมณีเล็กๆไว้ที่นิ้วของมัน
พลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกมาจากอัญมณีเม็ดนั้น
เพชรแห่งถ้ำศักดิ์สิทธิ์
หากเหล่านักบวชหรืออัศวินครอบครองมัน
ก็จะสามารถเพิ่มค่าความศรัทธาได้อย่างมโหฬาร
แถมยังสมารถเพิ่มเอฟเฟคกับระยะของเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่ร่ายไปอีกด้วย
เขารวบรวมความกล้าเผชิญหน้าเพื่อไอเท็มชิ้นนั้น
อัญมณีปกติแล้วง่ายที่จะเอาไปต่อรองราคาได้
แม้ว่าเขาจะอยู่ในร่างสูงเพียง
100
เมตร แต่เขาก็วิ่งด้วยสี่เท้านั่น กระโจนเข้าใส่ลอร์ดดเรียม
‘วิธีที่จะต่อสู้แล้วชนะได้อย่างง่ายๆก็คือตัดหนวดของมันออก’
ลอร์ดเดรียมมีสายตาฝ่อ
ดังนั้นมันจึงอ่านการเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆด้วยหนวดของมัน
หนวดของมันจึงพูดได้ว่าเป็นจุดอ่อนเพียงอย่างเดียว
‘ทักษะเริงระบำแห่งนักรบคลั่ง’
เพราะความสามารถโจมตีของวีดที่อ่อนแอลงไป
ทักษะเดียวที่เขาเอามาใช้สู้กับลอร์ดเดรียมได้ก็มีแค่ทักษะนี้อย่างเดียว ด้วยการรีดเร้นมานาออกมา
เขาจึงเหวี่ยงดาบของเขาไปที่หนวดทั้งแปดของลอร์ดเดรียม
จากนั้นก็ถีบตัวขึ้นไปยืนอยู่บนพื้น สายพลังมานาแดงดั่งเลือดเคลื่อนตัวไปมารอบๆตัวเขา
แล้วจากนั้นเขาก็เข้าไปโจมตีหนวดของลอร์ดเดรียม
ท่านได้โจมตีแบบคริติคอลสำเร็จแล้ว
|
สมาธิของเขาแกร่งมากขึ้นเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย!
ถึงแม้ขณะเคลื่อนตัวอยู่บนอากาศเขาไม่สามารถเคลื่อนได้แบบปกติได้
แต่ว่าเขาก็ยังสามารถตัดหนวดของมันได้
ฉั๊วะ!
เจ้าลอร์ดเดรียมเริ่มดิ้นทุรนทุราย
แม้ว่าหนวดของมันจะถูกตัดไปแต่การต่อสู้มันยังไม่จบ เพราะว่ามันสามารถรักษาตัวเองด้วยเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ได้
วีดจำเป็นต้องทำความเสียหายมากเท่าที่เขาจะทำได้ขณะที่มันกำลังชักดิ้นชักงอด้วยความเจ็บปวดจากหนวดที่โดนตัดไปอยู่นั้น
“ทักษะพันธนาการแห่งนักโทษ
ทักษะดาบแห่งจิตวิญญาณนักสู้!”
ด้วยการใช้ทักษะของเบอร์เซิร์กเกอร์เขาจึงโจมตีลอร์ดเดรียมได้สำเร็จ
โดยปกติแล้วเขาจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจหรือว่าทำทุกอย่างไปตามแผนที่วางไว้ภายในหัวเมื่อต้องมาเผชิญหน้ามอนสเตอร์ระดับบอส
แต่ทว่าวีดจำต้องกระโจนเข้าไปด้วยสี่ขาที่มีแล้วก็โจมตีเข้าไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยเล็งไปที่ลอร์ดเดรียมเป็นหลัก
อย่างกับว่าเขากำลังพยายามที่จะพิสูจน์ว่าไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนยืนหยัดอยู่ได้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีแบบนี้
เขาเลี้ยวไปมาเป็นวงกลมรอบๆมัน พลางเหวี่ยงดาบฟันไปด้วย
ลอร์ดเดรียมเปิดใช้งานเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ของมัน
มนต์การชำระล้างแห่งความไร้เสียง
(Purification
of Silence)
เวทย์ศักดิ์สิทธิ์นั่นทำให้สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายสูญสิ้นไปไม่เหลือซาก
เพชรแห่งถ้ำศักดิ์สิทธิ์ได้ขยายเอฟเฟคของมนต์เพิ่มขึ้นไปอีก
ในขณะที่กระดูกของวีดปริแตก มันก็เหลือค่าพลังชีวิตเอาไว้ให้เขาอีก 2%
‘ฉันต้องฆ่ามันไม่ว่ายังไงก็ตาม…’
เขาพยายามที่จะฟันลอร์ดเดรียมต่อไปเรื่อยๆแต่ทว่าเวทย์ศักดิ์สิทธิ์อีกมนต์ได้ถูกใช้ออกมาแล้ว
นั่นคือเวทย์
‘เยียวยาอันเดด’ (Turn Undead)
มันคือมนต์ที่เป็นปรปักษ์กับอันเดดอย่างยิ่ง!
ธรรมดาแล้ว
อันเดดที่มีระดับสูงกว่าเดทไนท์คงจะไม่สลายหายไปในทันทีที่ถูกเวทย์เยียวยาอันเดด
แต่ทว่าค่าพลังชีวิตของวีดนั้นต่ำมากเกินไป
เช่นนั้นเขาจึงไม่อาจทนต่อมนต์ศักดิ์สิทธิ์ของลอร์ดเดรียมได้
-ค่าพลังชีวิตของท่านหมดสิ้นแล้ว ท่านเสียชีวิต
|
ระดับของทักษะปฏิเสธความตายนั้นต่ำเกินไป
เนื่องจากพลังศักดิ์สิทธิ์ซึมซาบเข้าไปในร่างกาย ทักษะนี้จึงไม่ถูกเปิดใช้งาน
|
ท่านไม่สามารถเข้าใช้งานได้เป็นเวลา
24
ชั่วโมง เพราะว่าการตายของท่าน
ระดับเลเวลและค่าความเชี่ยวชาญของท่านลดต่ำลง
|
หลังจากที่วีดตายไปเพียงแค่ผ่านไปสามนาทีเท่านั้น
เหล่าอัศวินแห่งครีม่าก็มาถึง
หลังจากที่พวกเขาเข้ามาในดันเจี้ยน
พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับพวกอวานน่าห์แล้วก็ล่าพวกมันเร็วเท่าที่จะทำได้แล้วก็ตามมาถึงที่นี่
“นั่นมันมหาราชันย์อวาน่าห์นิ”
“หนวดของมันถูกตัดไปแล้ว”
ลอร์ดเดรียมได้รับบาดเจ็บมากมายหลายแผล
เหล่าอัศวินแห่งครีม่าจึงล่ามันในตอนที่หนวดของมันยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
พวกเขาไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากมายจากเวทย์ศักดิ์สิทธิ์เหมือนพวกอันเดด ดังนั้นมันจึงไม่ยากที่จะล่ามัน
โปลอนจัดการเผด็จศึกลอร์ดเดรียมได้สำเร็จแล้วก็เก็บเพชรแห่งถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่วีดกำลังต้องการ
“แรร์ไอเท็มนี่มัน…”
หลังจากการต่อสู้จบลง
พวกเขาก็พบไอเท็มหลายอย่างนอกจากไอเท็มที่ลอร์ดเดรียมดร็อปออกมา
‘นี่คงเป็นไอเท็มที่วีดดร็อปในตอนที่เขาตายไป’
อัศวินคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆหยิบไอเท็มขึ้นมาก่อนใคร
-ท่านได้รับขนมปังบาร์เลย์เก่าๆ 3 ชิ้น
|
-ท่านได้รับหมวกแตกเกาะสนิม
|
-ท่านได้รับหนอนตัวเป็นๆ
|
-ท่านได้รับฟันกรามของโครงกระดูก
|
“ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่ฉันได้ไอเท็มๆห่วยแบบนี้คือตอนไหน
ทำไมมันถึงยังถือไอเท็มพวกนี้อยู่นะ?”
อัศวินคนนั้นไม่อาจทนต่อความโกรธเคืองของเขาได้แล้วก็โยนแจปเท็มนั้นทิ้งไป
ในฐานะที่เป็นอันเดด
แนวโน้มของพวกเขานั้นเชื่อมเกาะอยู่กับความโชคร้ายอยู่เสมอแถมยังอยู่บนเส้นฝั่งแห่งความชั่วร้าย
หากว่าคุณมีค่าชื่อเสียงเสียๆ ก็มีความเป็นได้สูงที่จะดร็อปไอเท็มดีๆท่ามกลางไอเท็มที่คุณถือเอาไว้อยู่
แต่ทว่าวีดกลับดร็อปไอเท็มที่ไร้ประโยชน์ออกมาเป็นพวง
นี่ก็เป็นเพราะว่าการเตรียมการที่ดีของวีด
“ถึงจะมีพวกเนโครแมนเซอร์หลายคน
เนโครแมนเซอร์พวกนั้นเป็นอันเดดที่มีระดับไม่ธรรมดาเลยน๊า”
ตั้งแต่ที่เขาได้รับภารกิจจากกองทัพอันเดดแล้วก็ได้พบเจอผู้คนมากมาย
เขาจึงไม่อาจเชื่อใจพวกเขาได้เลย ดาบธรรมดาๆ ชุดเกราะ แล้วก็ไอเท็มแพงๆเหล่านั้นปกติแล้วเขาจะเก็บเอาไว้ในปราสาทของลอร์ดที่โมราต้า
เขาจะถือเอาไว้เฉพาะไอเท็มจำเป็นที่ต้องใช้เพิ่มค่าความเป็นผู้นำอย่างพวกแตรเขาสัตว์หรือว่าตราประทับแห่งราชวงศ์
แล้วก็ทันทีที่พวกกิลด์เฮอร์มีสปรากฏตัวเขาก็เอามันไปซ่อน
“ฉันคงจะเสียไอเท็มไปแน่ๆถ้าหากฉันตาย…”
เขาวอนให้มาเรย์เก็บของเอาไว้ให้เขา
“นายต้องเอามาคืนฉันหลังจากนั้นนะ”
“ผมจะคืนแน่ครับ”
“ถ้านายดูตรงข้างล่างไอเท็มก็จะเห็นตัวหนังสือเล็กๆเขียนเอาไว้
‘ไอเท็มของวีด’”
“………….”
ด้วยการเตรียมการสำหรับการตายของเขาเอาไว้ก่อนแล้ว
เขาจึงไม่ได้เสียไอเท็มมีค่าใดๆไป
และแน่นอนว่าจากมุมมองของวีด
มันคือความสูญเสียที่แสนเศร้าโศกที่เขาไม่อาจซ่อนแจปเท็มของเขาได้
หลังจากที่รู้ว่าวีดถูกมอนสเตอร์ฆ่าตายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โปลอนกับพวกอัศวินก็กลับมายังที่ราบนาตาเลีย
“เหล่าเนโครแมนเซอร์ทั้งหลาย
จงเลือกซะว่าเจ้าจะเข้าร่วมกับกิลด์เฮอร์มีสหรือไม่”
กองกำลังจอมเวทย์และเรนเจอร์ทั้งหลายเตรียมตั้งท่าโจมตี
มันถือเป็นการแกมบังคับนิดหน่อย
แต่โปลอนก็ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจนต่อเหล่าเนโครแมนเซอร์ว่าหากพวกเขาไม่เข้าร่วมกับกิลด์เฮอร์มีส
พวกเขาจะต้องถูกฆ่าตายที่นี่ตรงนี้
“ระ…เราควรทำยังไงดี?”
“ฉันชอบที่จะเป็นผู้เล่นเดี่ยวนะ
แต่ถ้าหากว่าฉันเข้าร่วมกิลด์เฮอร์มีส อาจจะเป็นผลดีมากกว่านะ”
ในขณะที่เหล่าเนโครแมนเซอร์รู้สึกกระวนกระวาย
เจนนี่ก็เชิดไหล่ของเธอขึ้นแล้วก็ก้าวออกไปข้างหน้า
“ฉันจะไม่เข้าร่วมกับกิลด์เฮอร์มีส”
“เธอคงเป็นเจนนี่สินะ”
โปลอนได้ฟังเรื่องราวของเหล่าเนโครแมนเซอร์จากเซบริน
“แล้วเหตุผลที่จะไม่เข้าร่วมละ?”
“คงพูดได้ละว่าเหตุผลที่พวกเรากลายมาเป็นเนโครแมนเซอร์ได้ก็เพราะวีด”
“งั้นหรอ?
ถ้าเธอปฎิเสธกิลด์เฮอร์มีส คงจะมีอันตรายมากมายพุ่งเป้าไปที่เธอนะ
แม้แต่ตอนนี้คงมีการสูญเสียมากแน่ๆหากเธอตายไปที่นี่
ฉันจะให้โอกาสเธอให้เปลี่ยนการตัดสินใจละกัน”
“จุดยืนของฉันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
นับตั้งแต่ที่ฉันกลายมาเป็นเนโครแมนเซอร์จนได้มาทำภารกิจครั้งนี้
เหล่าเนโครแมนเซอร์ทุกคนล้วนเป็นหนี้ความช่วยเหลือจากวีด
ฉันจะไม่ยอมเป็นส่วนหนึ่งของกิลด์เฮอร์มีส”
โปลอนหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน
“เธอคิดว่าเนโครแมนเซอร์คนอื่นๆจะคิดอย่างเธองั้นหรอ?
จะบอกอะไรให้ฟังนะ ถ้าเธออยู่ตรงนั้นเธอก็ต้องตาย มาทางนี้ดีกว่าน่าถ้าเธอยินดีที่จะมาเข้าร่วมกับเรา”
เซบรินกับพวกเนโครแมนเซอร์ที่จะเข้าร่วมกับกิลด์เออร์มีสเดินออกมาตรงที่โปลอนอยู่
แต่ก็ยังมีเนโครแมนเซอร์อีกสิบกว่าคนยังคงยืนนิ่ง
คนเหล่านั้นคือ
เจนนี่ โอเทม กรูเซด วาเรนน่า
และพวกผู้เล่นคนอื่นๆที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันภายในหุบเขา
บางคนนั้นมีกิลด์ของตนอยู่แล้วแต่ก็ปฏิเสธเข้าร่วมอย่างดึงดัน
มาเรย์ไปยืนทางฝั่งกิลด์เฮอร์มีสเพราะว่าเขาจำเป็นต้องปกป้องไอเท็มของวีดเอาไว้
“เรื่องราวจะต้องไม่จบลงแบบนี้…บทเพลงที่สอดเรื่องราวดีๆจะต้องปรากฏขึ้นมาแน่ๆ”
จากภายในสถานี
KMC
Media การผจญภัยของเหล่าเนโครแมนเซอร์ได้ออกอากาศสด
หลักๆแล้วนั่นก็เพราะว่าวีดอยู่ภายในการผจญภัยครั้งนี้ด้วย
พวกเขาเริ่มออกอากาศสดตั้งแต่ที่เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา
เครือข่ายสถานีออกอากาศอื่นๆก็กำลังถ่ายทอดรายการเกี่ยวกับเนโครแมนเซอร์กับกองทัพอมตะด้วยเช่นกัน
ดังนั้นมันจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรตติ้งอะไรมากมายนัก
อีกอย่างนี่ก็เพราะว่าสถานี
CTS เองก็เพิ่มเรตติ้งของรายการให้เพิ่มขึ้นสูงๆด้วยเงินทุนที่มากมายมหาศาลที่ได้มาจากบริษัทแม่
บริษัท LK gamers ที่ได้ถ่ายทอดรายการออกไปอย่างเป็นมืออาชีพด้วยระบบดิจิตอลมีเดียที่ได้ติดตั้งเอาไว้ของพวกเขา
ที่พร้อมถ่ายทอดออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากสถานีทั้งสอง
ก็ยังมีสถานีออกอากาศใหม่ๆกับสถานีทางออนไลน์ที่ก่อตั้งขึ้นมาในระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้
ในขณะที่ผู้คนต่างให้ความสนใจและสนุกสนานไปกับโรยัลโร้ด
ช่องพิเศษต่างๆมากมายก็เกิดขึ้นมาเช่นกัน
รายการตกปลาแห่งโรยัลโร้ด
รายการตีกอล์ฟของโรยัลโร้ด
รายการมือโปรตะลุยดันเจี้ยน
รายการเด็กน้อยแห่งทวีปเวอร์เซล
รายการรองเท้าบูทคร่ำครึของเหล่าจินตกวี
ขณะที่ยิ่งอิทธิพลของรายการถ่ายทอดเกมออนไลน์เติบโตขึ้นมากเท่าไร
การแข่งขันก็ยิ่งดุเดือดมากขึ้นเท่านั้น KMC media คือช่องทีวีได้รับการตอบรับจากผู้ชมเป็นเพราะพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากผู้เล่นภายในเกมหลากหลายมากมาย
“ในที่สุดวีดกับเหล่าอันเดดก็รุกหน้าเข้าไปในวิหารแล้ว”
ขณะที่การผจญภัยของวีดถ่ายทอดออกไป
เหล่าผู้ชมทั่วไปก็จะเข้าไปในบอร์ดข้อความแล้วก็แสดงความคิดเห็นต่างๆนานา
ไม่เพียงแต่ตามช่องที่ออกอากาศเท่านั้น
เหตุการณ์นั้นยังโด่งดังมากลุกลามไปจนถึงเว็ปไซต์ข่าวต่างๆอีกด้วย
มันไม่ใช่เพราะว่าวีดคือตำนานที่มีชีวิตแห่งคอนติเนนท์ออฟเมจิกเพียงเท่านั้น
แต่เขายังตะลุยการผจญภัยที่แสนตื่นตาตื่นใจภายในโรยัลโร้ดอีกด้วย
“อยู่ๆกิลด์เฮอร์มีสก็ปรากฏตัวขึ้นมาปุบปับแถมยังเริ่มโจมตีพวกเขาอีกครับ
โอ้โห เป็นกองกำลังที่ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ มีทั้งโปลอน อัศวินครีม่า กองทัพเรนเจอร์กับพวกนักเวทย์ด้วยครับ”
ในตอนที่พวกเขากำลังจะตัดการออกอากาศลงไว้ตรงฉากที่วีดสามารถเคลียร์ภารกิจสุดท้ายได้
ผู้ประกาศข่าวก็รายงานสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นทันทีทันใด
พร้อมกับขึ้นหัวข้อลอยขึ้นมาบนจอภาพ
-การปรากฏตัวของกิลด์เฮอร์มีส
-การโต้กลับของอันเดดที่นำโดยวีด
พวกเขาตัดสินใจที่จะยืดเวลาออกอากาศออกไปจนกว่าการพิพาทระหว่างวีดกับกิลด์เฮอร์มีสจะจบสิ้นลง
-การต่อสู้ยกที่สองระหว่างวีดและกิลด์เฮอร์มีส
-กิลด์เฮอร์มีสส่งหน่วยโจมตีออกไปยังดินแดนที่กองทัพอันเดดอยู่เพียงเพื่อจะมาฆ่าวีดเท่านั้น
-มันคือการนองเลือด!
เรตติ้งพุ่งขึ้นมาอย่างพรวดพราด
ถึงกระนั้นก็ตาม
สภาพของวีดนั้นแย่มากเกินกว่าที่จะเอาไปสร้างกลยุทธ์ต่อสู้ได้อีกแล้ว
พวกเขาประกาศออกไปว่าวีดแสดงการต่อสู้ได้อย่างน่าจดจำ แต่ทว่าหลังจากที่เขาเข้าไปในวิหารก็ถูกฆ่าตายไปในที่สุด
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ถูกฆ่าโดยกิลด์เฮอร์มีส
แต่มันก็ยังทำลายประวัติเทพสงครามผู้ไร้พ่ายไป
ไม่นานบอร์ดข้อความของเหล่าผู้ชมก็คับคั่งไปด้วยคอมเม้นท์เกี่ยวกับการตายของวีด
-ไอ้พวกชาติชั่วสกปรกโสมม พวกมันแพ้ไปที่ลาส ฟาลังคซ์แล้ว
ยังไล่ตามเขามาจนถึงที่นี่อีก
-พวกขี้ขลาดไร้หัวใจก็เป็นแบบนี้เหมือนกันหมดนั่นแหละ
-พวกมันนำกองกำลังมากมายไปซุ่มโจมตีเขาหลังจากที่ภารกิจสำเร็จแล้ว
แถมเขายังเหนื่อยมากอีกด้วย
-เจ้าพวกนั้นมันก็เล่นสกปรกตลอดแหละ ตรงไปตรงมาไม่เป็นหรอก
-ฉันไม่ชอบวิธีการที่พวกกิลด์เฮอร์มีสทำไปเลยจริงๆ
กระดานข้อความเต็มไปด้วยคำวิพากษ์วิจารณ์กิลด์เฮอร์มีสอย่างหนักหน่วง
ณ
บริเวณชายฝั่งทางตะวันออกของโมราต้า
เมื่อก่อนดินแดนทางฝั่งเหนือนี้ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก
จึงไม่ค่อยมีใครมาทางนี้ซักเท่าไร แต่ทว่าตอนนี้ที่นี่กลับมีผู้คนแวะมาเยือนอยู่สม่ำเสมอ
เพราะว่ามีมอนสเตอร์ที่คุ้มค่าเหมาะแก่การออกล่ามากมาย ณ วันที่มีฝนตกพรำลงมา ใบหน้าของเหล่าผู้เล่นทั้งหลายต่างเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนขณะที่กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็ง
“พวกเจ้าขุดได้มากแค่ไหนแล้ว?”
“พวกเราได้หอยกาบประมาณ
1,430 ตัวแล้ว ฉันคงเอาไปใช้ซื้อดาบยาวได้ซักเล่มแน่ๆ”
เหล่านี้คือผู้เล่นที่กำลังขุดเอาหอยกาบกับหอยแครงเพื่อเอาไปขายเป็นเงิน
ขณะที่เมืองโมราต้ากลายมาเป็นเมืองใหญ่ จำนวนประชากรก็พุ่งขึ้นมาอย่างพรวดพราด
ทรัพยากรอาหารก็ได้มาจากการเก็บเกี่ยวข้าวสาลีกับข้าวบาร์เลย์
ส่วนพวกผู้เล่นใหม่ก็เก็บเงินมาได้โดยการทำภารกิจด้วยการจัดหาของสดๆไปที่ตลาดอาหารทะเล
ในขณะที่พวกเขากำลังพักเหยียดแข้งเหยียดขา ก็มีกลุ่มคนลอยขึ้นมาพร้อมกับกระแสคลื่นทะเล
ในที่สุดเหล่านักดาบก็มาถึงดินแดนเหนือของทวีปเวอร์เซล
-ท่านได้ค้นพบเส้นทางทางทะเลเส้นใหม่ที่มายังเมืองโมราต้า ณ
ดินแดนทางเหนือ
|
ด้วยการบุกเบิกเส้นทางทางทะเล
ค่าชื่อเสียงดีของท่านเพิ่มขึ้น 420
|
จากการผจญภัยที่ประสบผลสำเร็จ
ค่าสถานะเพิ่มขึ้นอย่างละ 3
|
ความกล้าหาญเพิ่มขึ้น
7
|
ค่าความเชี่ยวชาญการเดินเรือเพิ่มขึ้น
|
-ท่านได้กลายเป็นบุคคลแรกที่สามารถว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรสำเร็จ
|
ท่านได้ทำการท้าทายอันแสนบ้าบิ่นที่ไม่มีทางเป็นไปได้สำเร็จ
|
ค่าความอึดเพิ่มขึ้น 24
|
ค่าความอดทนเพิ่มขึ้น
31
|
กำลังกายเพิ่มขึ้น
15
|
ค่าสถานะทุกอย่างเพิ่มขึ้น
9
|
-ค่าชื่อเสียงดีเพิ่มขึ้น 2,980 แต้ม
|
ทุกๆครั้งที่ท่านเล่าเรื่องราวของท่านเกี่ยวกับการข้ามมหาสมุทรในโรงเหล้า
ท่านจะได้รับค่าชื่อเสียงพิเศษ 40 แต้ม
|
-หากท่านเล่าเรื่องราวนี้กับกะลาสีเรือหรือผู้คนด้วยความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับมหาสมุทร
ท่านจะได้รับความใกล้ชิดสนิทสนมมากขึ้น
|
-ความสามารถในการเข้าใจเกี่ยวกับน้ำเพิ่มขึ้น
|
ค่าความต้านทานที่เกี่ยวข้องกับน้ำเพิ่มขึ้น
ค่าความใกล้ชิดกับจิตวิญญาณธาตุน้ำได้ถูกสร้างขึ้นมา
|
-ท่านได้รับฉายา ‘บุรุษเหล็กในตำนานแห่งมหาสมุทร’
|
หลังจากเผชิญหน้ากับมหาสมุทรอันแสนยากเข็ญด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า
พวกเขาก็ได้ทิ้งไว้ซึ่งตำนานแห่งมหาสมุทรที่ไม่มีใครกล้าทำตาม
ความสามารถในการต่อสู้บนท้องทะเลเพิ่มขึ้น
|
ท่านจะได้รับการสนับสนุนจากเหล่ากะลาสีเรืออย่างไร้เงื่อนไข
|
เลเวลของทักษะเดินเรือเพิ่มขึ้น
3
เลเวล
|
ในบรรดาคุณสมบัติพิเศษของเหล่านาวิกโยธิน
ความสามารถในการอ่านกระแสคลื่นเพิ่มขึ้น
|
โอกาสที่จะโดนโจมตีจากมอนสเตอร์ลดลง
|
เหล่านักดาบประสบผลสำเร็จและได้รับฉายาที่เหล่าผู้เล่นทั้งหลายได้แต่เพียงฝันถึงเท่านั้น
“มันดีหรือเปล่าเนี่ยที่เราว่ายน้ำมาแบบนี้นะ?”
“แหง๋ละ ต้องดีอยู่แล้ว
ว่ายน้ำกันไปอีกเถอะถ้าหากว่าซักวันเราต้องกลับไปอีกนะ”
“ข้าหิวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ”
จากนั้นเหล่านักดาบก็มุ่งหน้าตรงไปยังโมราต้า
พวกเขาได้สร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เหนือท้องทะเล
แต่ทว่าพวกเขากลับไม่อาจสัญญาใดๆได้ว่าเมื่อไรที่พวกเขาจะกลับไปที่มหาสมุทรนั้นอีกครั้ง
สถานี KMC media กำลังออกอากาศรายการ ‘เรื่องราวของทวีปเวอร์เซล’ตามกำหนดการเดิมที่วางเอาไว้หลังจากที่วีดตายไป
มันคือรายการโชว์ที่ได้รับความนิยมมาก ดำเนินรายการโดย ชิน เฮมิน และโอ จูวาน
“วันนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายเลยนะคะ
แรกสุดคือการเฉลิมฉลองการสถาปนาเมืองใหม่ภายในราชอาณาจักรฮาเว่นค่ะ”
“ใช่แล้วครับ
เหล่าผู้ชมมากมายต่างกำลังตั้งหน้าตารอคอยงานครั้งนี้ครับ งานเฉลิมฉลองการสถาปนาในวันนี้มีกิลด์เฮอร์มีสเป็นผู้จัดขึ้นมาครับ”
“ดูเหมือนว่าจะมีคนมาเข้าร่วมกันอย่างคับคั่งมากเลยนะค่ะ”
“คงจะพูดเกินไปถ้าจะบอกว่ามีผู้เข้าร่วมอัดตัวอยู่ทั่วทั้งเมืองหลวงเลยค่ะ
อยู่ที่ปราสาทเอเรนใช่ไหมคะ? นอกจากเหล่าผู้เล่นที่มาจากราชอาณาฮาเว่น
ยังมีคณะทูตจากแต่ละกิลด์และแต่ละราชอาณาจักรก็มาเข้าร่วมงานนี้ด้วยเช่นกันค่ะ”
บนหน้าจอภาพจะมีงานเฉลิมฉลองของราชอาณาจักรฮาเว่นที่พึ่งก่อตั้งขึ้นมาหมาดๆโดยกิลด์เฮอร์มีสปรากฏให้เห็น
งานแห่อันแสนโอ่อ่า ทั้งภายในและภายนอกปราสาทก็เต็มไปด้วยผู้คน บาร์ดเรย์สวมมงกุฎไว้บนศีรษะของเขา
ใส่ชุดที่แสดงถึงความเป็นกษัตริย์พร้อมกับคาดดาบเอาไว้ที่เอว
“ข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นขุนนางผู้ปกครองดินแดนโดเรีย”
“กระหม่อมจักอุทิศตนด้วยความภักดีพะยะค่ะ”
“ข้าแต่งตั้งเจ้าเป็นรองขุนนางปกครองโบราสค์”
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งพะยะค่ะ”
เขาแต่งตั้งเหล่าผู้เล่นระดับสูงของกิลด์เฮอร์มีสให้เป็นชนชั้นสูงอย่างเป็นทางการ
ราชอาณาจักรฮาเว่นได้ถูกสถาปนาขึ้นมาอีกครั้งภายใต้ระบอบรวมอำนาจ
แต่ว่าการได้รับการแต่งตั้งให้เป็นชนชั้นสูง
ก็จะได้รับค่าสถานะหลากหลายมากมายอีกด้วย ในกรณีของบาร์ดเรย์
เขาได้รับค่าชื่อเสียงมากที่สุดภายในราชอาณาจักรแห่งนี้ แถมยังมีค่าความสูงศักดิ์ (Nobility)
ค่าเกียรติยศ (Dignity) อยู่อีกจำนวนมาก
กษัตริย์นี้มีอำนาจการปกครองควบคุมในการแบ่งสัดส่วนของประเทศ
ยิ่งพวกเขาทำหน้าที่นี้ได้ยอดเยี่ยมมากเท่าไร
ค่าความภักดีที่พวกเขาจะได้รับจากประเทศชาติและค่ากำลังใจของเหล่าอัศวินและทหารก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
อำนาจการปกครองนั้นไม่ใช่ค่าสถานะที่จะเพิ่มขึ้นมาได้ด้วยวิธีปกติธรรมดา
มันต้องขึ้นอยู่กับอาณาเขตที่อยู่ในการครอบครอง จำนวนประชากรของผู้อยู่อาศัย
อัศวิน นักเวทย์ ธุรการบ้านเมือง และการพัฒนาของเทคโนโลยี
มันสามารถขึ้นหรือว่าลงได้แม้แต่จากการมีชัยหรือปราชัยภายในสงคราม
การบรรลุเป้าหมายทางพาณิชย์ขนาดใหญ่ หรือแม้แต่ความทุกข์ทรมานของชาวเมืองจากน้ำท่วมหรือว่าความแห้งแล้งภายในอาณาจักร
ถ้าหากว่าเขาปกครองบ้านเมืองด้วยความปราดเปรื่อง งานสังสรรค์มากมายก็จะเกิดขึ้นภายในตัวเมือง
หรือแม้แต่ได้รับพรจากเหล่าทวยเทพ
บาร์ดเรย์กลายเป็นผู้เล่นที่มีเลเวลมากที่สุดภายในทวีปเวอร์เซลและก็มีอำนาจอิทธิพลสูงที่สุดอีกด้วย
“ช่างเป็นภาพที่ตระการตาจริงๆค่ะ
มีการแสดงประลองของเหล่าอัศวินตรงท้ายขบวนด้วยค่ะ
เราจะพาท่านผู้ชมไปดูซักครู่หนึ่งนะคะ”
“ฉันคิดว่าผู้ชมมากมายคงกำลังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องวิหารเอ็มบินยูค่ะ
เรามีข่าวล่าสุดวันนี้เกี่ยวกับวิหารเอ็มบินยู ใช่ไหมคะคุณโอจูวาน”
“ใช่แล้วละครับ
พวกเราได้เตรียมเอาไว้แล้ว
ดูท่าว่ามีผู้ตามสืบเกี่ยวกับวิหารเอ็มบินยูตะลอนไปทั่วทั้งดินแดนเลยครับ”
วิหารเอ็มบินยูนั้นจะปรากฏตัวขึ้นมาเหมือนดั่งพายุที่ดึงทวีปเวอร์เซลเข้าสู่ความโกลาหล
วิหารเอ็มบินยูคือพลังอำนาจแห่งปีศาจที่เข้ากลืนกินปราสาทหลายๆหลัง
และยังเป็นเจ้าของกองกำลังขนาดมโหฬารภายในทวีปเวอร์เซลที่ซึ่งเป็นดินแดนที่แต่ละกิลด์ต่างแก่งแย่งอาณาเขตอย่างเอาเป็นเอาตาย
พวกมันคือขั้วอำนาจที่เป็นตัวแทนของความมุ่งร้าย
แต่ทว่าเหล่าผู้เล่นทั้งหลายเองก็สามารถเลือกได้ว่าจะเข้าร่วมกับวิหารเอ็มบินยูได้หรือไม่
เนื่องจากเหล่าผู้เล่นที่ไปเข้าร่วมกับกองกำลังของพวกมัน
อำนาจของวิหารเอ็มบินยูจึงแพร่กระจายออกไปทั่วดั่งไฟป่า บนดินแดนที่ถูกวิหารเอ็มบินยูกลืนกิน
พืชพันธุ์เหี่ยวแห้งร่วงโรย แม่น้ำลำธารเหือดแห้ง แล้วในขณะที่บนทวีปเวอร์เจ็บปวดทรมานด้วยโรคภัยร้ายแรง
กลับมีเพียงธอร์ ราชอาณาจักรของเหล่าคนแคระกับดินแดนเหนือเท่านั้นที่ยังคงปราศจากการรุกรานของวิหารเอ็มบินยู
สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆภายในราชอาณาจักรธอร์ยังคงเป็นปริศนา
แต่ทว่าราชอาณาจักรนิฟล์เฮมทางดินแดนเหนือกลับล่มสลายเพราะว่าการรุกรานของวิหารเอ็มบินยู
วีดเคยขับไล่วิหารเอ็มบินยูออกไป แล้วก็เริ่มฟื้นดินแดนเหนือและเมืองโมราต้ากลับคืนมาอีกครั้ง
มันเป็นเพียงสมมติฐานเท่านั้นที่บอกว่าถ้าหากพวกเขาสามารถขับไล่อิทธิพลของพวกวิหารเอ็มบินยูออกไปได้ก่อน
ก็จะไม่ต้องรับความเสียหายใดๆจากการโจมตีแบบฉับพลัน
“หากว่าคุณโดนจับตัวโดยพวกผู้สอบสวนของวิหารเอ็มบินยู
พวกมันก็จะโจมตีคุณด้วยการอ้างชื่อศาสนานอกรีตแห่งการตัดสิน”
“ฉันได้ยินมาว่าถ้าหากว่าคุณมีอาชีพพาลาดินหรือว่านักบวช คุณก็จะยิ่งโดนรังควานหนักหน่วงกว่าอาชีพอื่นซะอีกใช่ไหมคะ?”
“ถูกต้องแล้วครับ ถ้าคุณโดนพวกมันจับตัวไป
คุณก็จะสูญเสียค่าศรัทธาไปจำนวนมาก ดังนั้นโปรดระวังด้วยนะครับ”
“อย่าเปลี่ยนช่องของคุณนะค่ะ
จะมีแขกรับเชิญมาพูดคุยเกี่ยวกับวิหารเอ็มบินยูในช่วงที่สองของพวกเรา! อย่าลืมรับชมนะค่ะ ต่อไปเป็นเป็นเรื่องราวอื่นๆที่เกิดชึ้น”
“ใช่แล้วครับ รายการต่อไปคือข่าว…”
ลีฮุนออกมาจากแคปซูนแล้วก็ออกไปจ่ายตลาด
ไม่มีการพักผ่อนสำหรับเหล่าดาร์คเกมเมอร์ ทวีปเวอร์เซลเปิดประตูอ้าต้อนรับเอาไว้ให้กับทุกๆคนอยู่เสมอ
พวกเขาจึงไม่อาจวางใจได้เมื่อออกมาจากเกม โอกาสเดียวของพวกเขาก็คือตอนที่พวกเขาเสียชีวิตและไม่สามารถเชื่อมต่อได้เป็นเวลา
24
ชั่วโมง
“ทำกิมจิเอาไว้หน่อยละกัน”
มันคือวันที่เขาจะทำกิมจิเอาไว้สำหรับตอนหน้าหนาว
ลีฮุนกองหัวกะหล่ำปลีกับส่วนประกอบอื่นๆเอาไว้ตรงบริเวณสนามแล้วจากนั้นก็เริ่มทำกิมจิ
ทุกๆครั้งที่เขาเฉือนหัวกระหล่ำปลีออก
เขาก็จะกระซิบเบาๆ
“โปลอน”
แกร๊บบบบบ!
“กิลด์เฮอร์มีส…”
แกรร๊บบบบบ!
“แกกล้ามาแหยมกับฉันได้ยังไง”
กรั๊กกกก!
“แจปเท็มของฉัน”
ปั๊กกกกก!
“ค่าประสบการณ์….”
แกร๊บบบบบ!
“จะมาทุบหม้อข้าวของฉันสินะ”
ขณะที่ความแค้นพอกพูนมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาก็หมักกระหล่ำปลีจีนไปตั้ง 200 หัวแล้ว!
ผลกระทบนี้ช่างร้ายแรงเหลือเกิน
ไอเท็มแสนล้ำค่าของเขาก็จะคงถูกชิงเอาไปด้วยแน่ๆ
เขาเปิดโทรทัศน์ดูช่อง
KMC
Media ในขณะที่เขากำลังทำกิมจิเอาไว้กินตอนหน้าหนาว ถึงแม้ว่าเขาจะรับรู้อะไรหลายๆอย่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นในโรยัลโร้ดด้วยการเช็คบอร์ดของเกมส์เสมอ
แต่เขาก็ยังต้องใส่ใจกับเรื่องราวอย่างอื่นที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกด้วยเช่นกัน
ทว่าขณะที่รายการถ่ายทอดสดนั้นปกติแล้วมักจะเลือกเอาเฉพาะเหตุการณ์สำคัญๆที่บอกรายละเอียดไว้เป็นอย่างดีเท่านั้นมาถ่ายทอด
“การแผ่ขยายอำนาจของวิหารเอ็มบินยู…”
พวกมันคือกองกำลังที่อัลเวรอน
ผู้ชิงตำแหน่งสันตะปาปาของวิหารเทพีเฟรย่าคอยระแวดระวังอยู่เสมอ
ความแข็งแกร่งของเดย์มอนด์จากกิลด์
‘นักล่าแห่งผืนพิภพ’(Predators of the Land) ที่สามารถทำให้ทั่วทั้งทวีปอยู่ในอันตรายได้จริงๆแล้วเขาได้มาจากวิหารเอ็มบินยูนั่นเอง
ลีฮุนรู้ความจริงเรื่องนี้ได้ก็เพราะเข้าไปตีสนิทกับเดย์มอนด์ในห้องแชทของสมาคมดาร์คเกมเมอร์
ในตอนที่บรรดาสมาชิกของกิลด์นักล่าแห่งผืนพิภพตายไป
ศพของพวกเขาก็จะเอาไปถวายแด่เทพเอ็มบินยูในฐานะเครื่องบูชายัญแล้วให้อยู่กับเทพไปตลอดกาล
มันจึงหมายถึงการลบตัวตนของตัวละครเกม ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเริ่มเล่นเป็นผู้เล่นใหม่อีกครั้งแล้วก็เลือกที่จะมาเริ่มที่เมืองโมราต้า
คงพูดได้ว่าเดย์มอนด์กับคนของเขามักจะรับทำภารกิจแบบหลบๆซ่อนๆ
ซักวันเขาก็คงต้องตายไปเหมือนกัน แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น
เขาจึงอยากที่จะมีชีวิตอยู่ในฐานะของดาร์คเกมเมอร์เพื่อที่จะกอบโกยเอาไอเท็มให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“งั้น
วิหารเอ็มบินยูคงไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่เราต้องใส่ใจตอนนี้สินะ”
โมราต้ากำลังโดนโจมตีโดยกองทัพอันเดด
แถมกิลด์เฮอร์มีสยังส่งหน่วยจู่โจมเข้ามาราวีเขาอีก
“นี่คงจะแก้ไขแบบสันติไม่ได้แน่ๆ”
ลีฮุนทำลายล้างหลายๆกิลด์ที่เข้ามาอยู่ในระยะการมองเห็นของเขาตอนที่อยู่ในคอนติเนนท์ออฟเมจิค
ดังนั้นเขาจึงรับรู้เป็นอย่างดีว่ามันไร้ประโยชน์แค่ไหนที่จะพยายามมาถกหาสาเหตุหรือว่าความชอบธรรม
การใช้กำลังต่างหากที่แก้ปัญหาได้!
โลกใบนี้ล้วนตัดสินกันด้วยกฎของการใช้กำลังเท่านั้น
น้องสาวของเขาพึ่งกลับมาจากห้องสมุด
แล้วก็มาช่วยเขาทำกิมจิและต้มเนื้อหมูเอาไว้สำหรับอาหารค่ำ
“กินข้าวกันเถอะค่ะ
พี่”
เพราะว่าน้องสาวของเขานั้นได้กลายมาเป็นนักศึกษามหา’ลัยแล้ว
เธอจึงเติบโตขึ้นมาเป็นหญิงสาวที่คอยเลี้ยงดูเขาด้วยการทำอาหารแล้วก็ปอกเปลือกผลไม้บ้าง
‘ฉันไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าวันนี้จะมาถึง…’
เมื่อห้าปีก่อน
ลีฮุนยังคิดมากเรื่องนี้อยู่เลย แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปทันทีก่อนที่ช่วงเวลาสุดท้ายของเขาจะมาถึงซะอีก…
“ในสถานการณ์แบบนี้…ฉันยังตายไม่ได้”
ตอนนี้เขาไม่มีญาติสนิททางไหนที่จะไปเก็บเงินงานศพแล้วก็ค่าสร้างโลงศพอีกแล้ว
ดังนั้นเขาจึงยังจากโลกนี้ไปไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกเหมือนกับตอนที่เขากำลังหิวโหยสิ้นหวังอยากจะกินซุปเค้กปลาตรงชั้นวางแบบฟรีๆ
แต่ทว่าตอนนี้ เขาสามารถปรุงอาหารได้จากเครื่องปรุงที่จัดซื้อมาเอง
แล้วก็ยังมีบ้านเป็นชื่อของตัวเองอีกด้วย ทุกๆวันลีฮุนใช้ชีวิตอยู่มาด้วยความสุขเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
“วันนี้ฉันควรเข้านอนแต่หัวค่ำ”
เช้าตรู่วันถัดมา
เขาก็ไปที่ร้านขายของชำ แล้วก็ไม่ลืมที่จะไปฝึกร่างกายที่โรงฝึกอีกด้วย
‘กิลด์เฮอร์มีส…’
ลีฮุนฟันดาบของเขาลงไปพลางกัดฟันของเขาอย่างระมัดระวังด้วยความเดือดดาล
คงไม่มีคลินิกไหนที่จะคิดค่ารักษาได้แพงหูฉี่เท่าคลินิกทันตกรรมอีกแล้วละ
มันคือดาบที่อันตรายถึงตาย
อัดอั้นเอาไว้ด้วยความเคียดแค้น
หลังจากที่เขาเสร็จภารกิจตามกำหนดการทั้งหมดแล้ว
เขาก็กลับบ้านไปทำความสะอาดแล้วก็ดูทีวีเพื่อฆ่าเวลา
แล้วจากนั้นช่วงเวลาของโรยัลโร้ดก็มาถึงในที่สุด
ลีฮุนกระโจนเข้าไปในแคปซูล
ปราศจากซึ่งความลังเล
เหล่านักดาบเข้าไปแวะร้านอาหารร้านที่แปดภายในเมืองโมราต้า
“ร้านนี่ก็อร่อยเหมือนกันแหะ”
“คงมีเหตุผลแหละคับว่าทำไมร้านนี้ถึงได้มีธุรกิจรุ่งขนาดนี้ครับ
ศิษย์พี่”
มันไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาเข้าไปกินอาหารแพงๆ
รีบชิมแล้วก็รีบออกมาจากร้านหรอก
แต่เพราะว่าทั้งแปดร้านที่พวกเขาเข้าไปกินมันไม่มีวัตถุดิบทำอาหารเหลือแล้วต่างหากละ
ช่างตะกละตะกลามและกินทุกอย่างที่ขวางหน้าจริงๆ!
ภายในโรยัลโร้ดถ้าผู้เล่นกินมากๆก็อาจทำให้อ้วนขึ้นได้
แต่ทว่านั่นเป็นนิยามที่ไกลเกินจะเอื้อมถึงเหล่านักดาบที่ออกไปต่อสู้บ่อยๆแล้วก็เดินทางไกลอยู่เรื่อยๆ
ขณะที่พวกเขาตะลอนไปทั่ว การกินคือหัวใจหลักของพวกเขา
แล้วพวกเขาก็ได้ยินข่าวคราวจากผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
การรุกรานระลอกที่สองของกองทัพอันเดดเริ่มขึ้นแล้ว!
ดูท่าว่าพวกนักเล่นอาชีพสายบู้จะได้รับหน้าที่ให้ปกป้องโมราต้า
ส่วนเหล่านักเล่นสายศิลป์ก็เข้าไปสนับสนุนพวกเขาอย่างเต็มกำลัง
พวกเขาไม่เพียงแค่เข้าไปวาดสัญลักษณ์บนชุดเกราะเพียงเท่านั้น
พวกจินตกวีกับนักเต้นเองก็ตามพวกเขาไปแสดงอยู่ในสนามรบอีกด้วย
คำร้องขอส่วนใหญ่นั้นมาจากทางปราสาทของลอร์ด
วิหารเทพีเฟรย่า วิหารลูห์
แล้วก็กิลด์ทหารรับจ้างเพื่อให้ออกไปต่อสู้กับเหล่าอันเดด
เนื่องจากนี่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน โมราต้าจึงบังคับใช้มาตรการทางสงคราม ทางด้านหน้าประตูทางเข้าปราสาทมีผู้เล่นใหม่มากมายเริ่มรวมตัวกัน
ส่วนบริเวณจัตุรัสเองก็เต็มไปด้วยผู้เล่นที่กำลังขายของอยู่
พวกนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนโมราต้าไม่ค่อยได้รับผลจากเหตุการณ์นี้ซักเท่าไร
แต่กับผู้คนที่อาศัยอยู่ในโมราต้านั้นรู้สึกถึงวิกฤตการณ์จากการรุกรานของกองทัพอันเดด
“นี่มันไม่เกินไปหน่อยหรอที่พวกอันเดดอยู่ดีๆก็เข้ามาบุกดินแดนของศิษย์น้อง”
“ดูท่าว่าพวกเราคงระวังตัวไม่พอสินะ”
“เราควรจะกลับไปขอเอาอาหารฟรีดีไหมนะ?”
“เตรียมตัวออกรบได้แล้ว”
ขณะที่มือไม้พวกเขาเต็มไปด้วยอาหาร
พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังสนามรบตรงที่กองทัพอันเดดบุกเข้ามาใกล้ (กองทัพต้องเดินด้วยท้องสินะ555)
พวกทหารอันเดดนำรถม้าของพวกมันมาพร้อมกับดาบเอาไว้ตรงสีข้าง
ส่วนพวกอันเดดขนาดกลางที่เอาศพมาจากพวกมอร์จิสกับนูคาลิซก็เตรียมตัวออกอาละวาดแล้ว
กองกำลังของโมราต้า เหล่านักบวชแห่งวิหารเทพีเฟรย่า พาลาดิน
แล้วก็ผู้เล่นทั้งหลายเตรียมพร้อมเข้าสู่สงครามยืดเยื้อขณะที่พวกอันเดดเองก็เตรียมตั้งแนวบุก
มีผู้เล่นอีกมากมายหลายคนถือธงของลัทธิโจ๊กหญ้า
แถมยังมีพวกผู้เล่นระดับสูงที่อพยพมาจากทวีปทางตอนกลางอีกด้วย
คงไม่พูดเกินไปที่จะบอกว่านี่แหละคือสนามรบที่แท้จริง
“ข้าชอบที่นี่จัง
เหล่าลูกศิษย์ทั้งหลาย เราไปกันเถอะ”
“ครับ
ศิษย์พี่ใหญ่”
เหล่านักดาบย่างเท้าเดินหน้ามุ่งไปปะทะกองทัพอันเดด
ส่วนพวกอันเดดเองก็กระโจนเข้ามาอย่างดุเดือดโดยที่ไม่รู้อะไรเลย
เหล่านักดาบเพียงแค่ฟันไปที่พวกมันเบาๆก็ตายแล้ว จากนั้นพวกเขาก็กระโจนเข้าไปสู่ใจกลางสนามรบที่แท้จริง
“ทุกคนมีทีเด็ดอะไรงัดมาโชว์เลย”
“ตัวไหนยิ่งแข็งแกร่ง
ก็ยิ่งดี”
รถม้าประจัญบาน
มอร์กิส นูคาลิซ ดูลลาฮาน เดทไนท์ ไม่จำเป็นต้องแยกว่าตัวไหนดีไม่ดี
ไม่ว่าตัวไหนที่เข้ามาในระยะโจมตีของเหล่านักดาบ พวกมันก็ถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆ
ขณะที่พวกเขาทะลวงเข้ามาในวงล้อมของพวกอันเดด พวกเขาก็ต้องแยกกลุ่มออกจากกัน
แถมไม่ว่าพวกเขามองไปทางไหนก็มีแต่อันเดดเต็มไปหมด แต่ว่ามันก็โอเค
เหล่านักดาบฟันใส่อันเดดทุกตนที่พวกเขาเห็น
เลือดขึ้นหน้าสุดขีดไปแล้ว!
ในความเป็นจริง
พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์น่าหงุดหงิดเต็มไปหมด
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะช่ำชองการฟันดาบแล้วก็ฝึกฝนร่างกายจนถึงขีดสุด
พวกเขากลับแทบจะไม่ได้ใช้มันในชีวิตจริงได้เลย
ตอนที่มีคนเข้ามาหาเรื่องกับพวกเขาก็ต้องกัดฟันทน แล้วก็แกล้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นปล่อยให้มันผ่านๆไป
พวกเขาฝึกตนเองด้วยความอดทนแล้วก็รู้จักควบคุมตนเองให้เป็นหลักคุณธรรมของพวกเขา
เลือดร้อนที่สูบฉีดอยู่ภายในนั้นก็ยิ่งเดือดรุนแรงกว่าคนทั่วไป
แต่พวกเขากลับไม่มีที่ให้ระเบิดมันออกมา
โรยัลโร้ดก็คือทางออกที่เอาไว้ระบายอารมณ์สำหรับพวกเขานั่นเอง
เมื่อคิดถึงความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว
พวกเขาก็มักจะมองไปที่คนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าแล้วก็เข้าไปต่อสู้ด้วย
พวกเขาไม่จำเป็นต้องซ่อนสัญชาตญาณสัตว์ป่าเอาไว้
เพราะมันได้ถูกฝังลงลึกเข้าไปในกล้ามเนื้อของพวกเขาแล้ว
“เอาเลยยย
เจ้าอันเดด! เอาคนที่แข็งแกร่งกว่าแกออกมาซะ!”
เหล่านักดาบรู้สึกตื่นเต้นสุดขีด
พวกเขาเคยว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรแล้วก็ฝึกฝนทักษะมาแล้ว
แต่ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ใช้ร่างกายของพวกเขาออกไปสู้เหมือนกับตอนนี้ได้เลย ความเพลิดเพลินอันล้นพ้นพุ่งทะลักออกมาจนพวกเขาได้ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมดแล้ว
เหลือเพียงแต่การจดจ่ออยู่แต่กับการต่อสู้ที่กำลังดุเดือดนี้เท่านั้น!
“ยังไม่พอ ข้าอยากสู้มากกว่านี้!”
เหล่านักดาบฟาดฟันพวกอันเดดไปแบบสุ่มๆ
พวกเขากระโจนขึ้นไปบนตัวแรดแล้วก็ออกไปสู้
แล้วไล่ฆ่าอันเดดทุกตนที่เห็น
หลักๆแล้วพวกเขามักจะใช้ดาบไปสู้
แต่พวกเขาก็ใช้อาวุธชิ้นไหนก็แล้วแต่อย่าง มีด คทาเหล็ก
ขวานแล้วก็โซ่ออกไปสู้ด้วยเช่นกัน
เพราะว่าพวกเขาเชี่ยวชาญทักษะศาสตราวุธ
พวกเขาจึงสามารถใช้อาวุธชนิดใดก็ได้ที่พวกเขาต้องการใช้
แม้ว่าอาวุธเหล่านั้นจะมีความแตกต่างทางน้ำหนักและค่าโจมตี
แต่ทว่าพลังในการควงข้อมือใช้อาวุธฆ่าฟันศัตรูก็ยังให้ผลลัพธ์เช่นเดิม
นั่นคือการหลอมตัวเองเข้าไปสู่การต่อสู้อันบ้าคลั่งด้วยเทคนิคมากมาย!
-กองทัพอันเดดกำลังล่าถอยกลับไป
|
การต่อสู้สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของกองกำลังรบของโมราต้า
เพราะว่ามีเหล่านักดาบคอยรับหน้าที่เป็นกองกำลังหลัก
เหล่าพาลาดินจึงสามารถกำจัดแม่มดที่ชื่อ เบียงก้า ที่เป็นคนควบคุมกองทัพอันเดดได้
จึงทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะมาในที่สุด
จบตอน
ผู้แปล: Cole’s
Myth
Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล
ขอบคุณมากครับ จะรอ อ่านตอนต่อไป ว่าวีคจะทำอย่างไรต่อไป
ตอบลบเป็นช่วงที่เนื้อเรื่องสนุกมาก...มีปมเรื่องให้ตามได้ตลอด ขอบคุณผู้แปลมาก
ตอบลบขอบคุณมากครับ ว่าแต่หมั่นไส้กิลด์เฮอร์มีสชะมัด
ตอบลบขอบคุณมากครับ. กิลด์เฮแร์มีส มันต้องเจอลัทธิโจ๊กหญ้า+เหล่านักดาบ
ตอบลบขอบคุณมากครับ. กิลด์เฮอร์มิส มึงโดนแน่โดยเฉพาะโปลอนบังอาจมาเอาแจ็บเท็มของบักวีด
ตอบลบโปลอน โปลอน โปลอน วีดท่องขนาดนี้ไม่น่ารอด
ตอบลบวีดม่องจนได้แฮะ ไม่มีปาฏิหาริย์ใดๆทั้งสิ้น น่าเสียดาย กว่าจะได้แก้แค้นคงอีกนานด้วย
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบบังอาจขโมยขนมปังของวีด มุงตายยยยยยย ^^
ตอบลบวีดล็อคอิน ครั้งนี้ ประกาศสงครามเต็มรูปบบแน่นอน
ตอบลบหน่วย นักดาบ ทั้งห้าร้อย ในกองทหารหลัก ของวีด
ตอบลบที่จะเอาไว้ทำลายล้าง อาณาจักรอื่นๆ ฮ่าๆๆ
กัดฟันท่องขนาดนี้มึงเตรียมโดนลูท7ชั่วโคตรเลยไอ้โปลอน
ตอบลบวีดมันจยึดทัพบัลข่านแล้วเอาไปตบเฮอร์มีสอีกทีแน่
ตอบลบขอบคุณครับ วีดต้องเอาคืนให้ได้นะสู้
ตอบลบสันติคงไม่ใช้ทางออก555
ตอบลบ