เล่ม 35 ตอนที่
6 : เมืองที่ค่อยๆหายไป แปลโดย “Semplice”
วีดเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเลหลังจากรื้อถอนอาณาเขตของโนอาห์
“ ศัตรูกำลังมา พวกมันเป็นพันธมิตรของโนอาห์”
“ ข้าเห็นไฟสัญญาณ จะไม่มีการผ่อนปรนหรือทำสัญญาสงบศึก
เคลื่อนทัพได้.”
“ขอรับ,
ท่านมหาจักรพรรดิ!”
พวกเขาเก็บไอเทมที่ดรอปได้และยึดที่มั่นในเมืองโปรวิสต้ากับเมืองอิสระมอร์เก็น
“ทำอะไรให้มันไวๆหน่อย
เราไม่ได้มีเวลาทั้งวันนะ”
กองทัพเคลื่อนที่ไปข้างหน้าและกวาดทุกอย่างที่ขวางทางพวกเขาให้เหี้ยนเตียน
นักรบทะเลทรายใช้พลังของอูฐเพื่อมุ่งสู่ใจกลางของทวีปกลางด้วยความเร็วสูง
ผู้คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าอูฐนั้นช้ากว่าม้า
แต่ในความเป็นจริงแล้วมันทั้งแข็งแรงและเร็วกว่ามาก
วีดและกลุ่มองค์รักษกริชแดงได้มุ่งหน้าสู่ตอนกลางของทวีป
“นายได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับสัตว์ประหลาด3หัวที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายหรือไม่? มันสามารถพ่นไฟนรกออกมาเผาพลาญพวกนายได้และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”
“ปีศาจได้จุติบนโลกแล้ว”
“พระผู้เป็นเจ้าหรือเปล่าที่ส่งมันมาลงทัณฑ์มนุษย์”
มันไม่ได้ผลเลยที่เขาจะจะพยายามลดชื่อเสียงแย่ๆของเขา
ข่าวลือเรื่องภัยอันตรายได้แพร่กระจายเหมือนไฟลามทุ่มไปยันสุดปลายเขตแดน
โดยปกติอาชีพซัลวาโตรี(วีระชนผู้กอบกู้โลก)ควรจะใช้ความยุติธรรมของเขาในการกอบกู้โลกหรือทำอะไรที่คล้ายกัน
เหมือนที่เราจะเห็นในหนังฮีโร่ พวกเขามักจะเป็นแนวหน้าที่ลุกขึ้นมาต่อต้านเหล่ามารร้ายและมังกร
มันไม่ยุติธรรมเลยที่พวกเขาจะต้องพบเจอความยากลำบากเหล่านี้ แต่โลกจะจดจำพวกเขาจากวีรกรรมเหล่านี้
วีดสะสมความเครียดไว้มากมาย
มันเหมือนกับว่าเขาควรจะต้องไปโรงพยาบาลในเร็วนี้
“มันก็เหมือนที่เขียนไว้ในหนังสือระดับประถมนั่นแหละ
มันไม่ง่ายเลยที่คนๆหนึ่งจะเอาชีวิตรอดบนโลกใบนี้”
อาชีพซัลวาโตรี(วีระชนผู้กอบกู้โลก)ในแบบของวีดกลับกลายเป็นว่าเขาเดินหน้าทำลายทุกเมืองที่มาขวางทางเขา
อย่างน้อยเขาก็ได้แสดงความเมตาปราณีบ้าง เช่นเหลือพวกมันฝรั่งและมันสำปะหลังไว้ให้พวกประชากรในเมืองที่เขายึดมาได้(นี่เอ็งปราณีแล้วเหรอ เด็กแอฟริกายังกินดีกว่านี้เลย)
ตริ้ง!
- เป้าหมายการต่อสู้บรรลุแล้ว
คุณจะมีอิทธิพลอย่างมากในการนำสมดุลแห่งพลังคืนสู่ทวีปกลาง
(เหมือนอานาคินเลยที่ต้องนำพลังคืนสู่สมดุล)
|
วีดทำเป็นมองไม่เห็นกล่องข้อความที่เด้งขึ้นมาเป็นว่าเล่นทุกครั้ง
เขาแค่ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องนำกองทัพของเขาทะลวงเข้าไปเจอกับ อเฮลุน
เขาติดหนี้บุญคุณกับซอยูนเมื่อครั้งยังไม่มีอำนาจ
แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลังเลในพลังและความแข็งแกร่งของกองทัพอีกต่อไป
แน่นอนว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจำเป็นที่จะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะสู้กับลัทธิเอ็มบินยู
ค่าประสบการณ์จะได้มากกว่าตอนทำสงครามเมื่อเทียบกับการออกล่า เลเวลลูกน้องของวีดเองยังไม่ดีเท่าที่เขาคาดหวังเอาไว้
แต่พวกเขาก็สามารถรักษาระดับจำนวนไอเทมที่เขาลูทมาได้อย่างต่อเนื่องและเป็นที่น่าพอใจ(แน่หละซิ
อย่างกับว่าเอ็งสนใจอะไรอื่น)
-
คุณได้ยึดครองเมืองของเฟร็ดเดอร์ริค
ค่าความเสื่อมเสียของคุณได้เพิ่มขึ้นเป็น
2,774.
คุณได้รับฉายาใหม่เฉพาะ
“ไอ้คนละโมบและโสมม”
ชื่อที่มนุษย์ระดับเศษสวะเท่านั้นที่จะได้รับและมันจะมีแต่ทำให้เกิดศัตรู
|
“ ก็นะ มันก็ฟังดูดี
อย่างไรก็ตามชื่อเสียและฉายาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของฉันตอนนี้ก็จะหายไปหลังจากกลับสู่เวลาปกติ!”
วีดไม่ใช่สุภาพบุรุษ
เขาเคยฆ่าใครก็ตามที่ต่อต้านเขาในเดอะคอนติเน้นท์อ๊อฟเมจิค
เมื่อลองเปรียบเทียบกัน
เขาเป็นคนที่อ่อนโยนในรอยัลโร้ด เขาหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ใดๆ กับกิลด์ที่มีชื่อเสียง
เขาได้รับความเดือดร้อนในขณะที่พยายามจะก่อตั้งอาณาจักรด้วยการโจมตีจากกิลด์เฮอร์มีส
ความเครียดและความโกรธเกรี้ยวกำลังสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ!
“มองถึงความเสียหายในชีวิตของฉัน
มันก็เป็นเหมือนละครน้ำเน่าดีๆนี่เอง ”
เขาจะต้องดื่มน้ำซุปร้อนๆเพียงเพื่อจะพบว่ามันไม่ได้ถูกทำให้เย็นลง
เมื่อมองจากแง่นี้ การทำลายอาณาจักรและเผชิญหน้ากับลัทธิเอ็มบินยูไม่ใช่ทางเลือกที่ชั่วร้ายเลย
“ เมื่อต้องย้อนกลับไปยังอดีตมันก็ดูมีเหตุผลดี
ฉันจะทำอะไรตามใจชอบก็ได้!”
มีการสู้รบขนาดใหญ่จำนวนมากในขณะที่เขามุ่งหน้าต่อไป
มันมีการจำกัด เวลาในภารกิจ ดังนั้นเขาจึงโจมตีศัตรูอย่างไม่คิดให้เสียเวลา
- คุณเพิ่งจะเผาเมืองทิ้งไป
การกระทำที่ชั่วร้ายของคุณจะได้รับการสาปแช่ง
แต่ไม่มีพยานหลักฐาน
ดังนั้นค่าความเสื่อมเสียได้เพิ่มขึ้นเพียง 1,938
|
- ปราสาทฮอร์นถูกทำลาย
เสาหัวมุมเอกที่สำคัญได้ถูกถอนออกและการกระทำที่รุนแรงจะกระจายความหวาดกลัว
คุณได้รับเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของปราสาท
|
“ไหน มีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง”
วีดอ่านกระดาษที่มีค่าแผ่นนั้น
-
ข้าได้สาบานว่าจะจงรักภักดีตลอดไปต่อองค์มหาเทพเอ็มบินยู
แล้วก็มีวีดีโอปรากฏขึ้น!
ลอร์ดแห่งปราสาทฮอร์นสวมเสื้อคลุมสีดำและโค้งคำนับใครบางคน
“วันเวลากำลังจะใกล้เข้ามา...”
“แน่นอนขอรับ”
“เหล่าทหารหละ....”
“พวกเขาได้ตระเตรียมการเป็นที่เรียบร้อยแล้วขอรับ
และกำลังรอรับฟังคำสั่งอยู่”
“ข้าขอสาบานที่จะติดตามลัทธิเอ็มบินยู....”
“วิญญาณแห่งข้าจะเป็นของท่านเสมอไป”
มันเป็นฉากที่ลอร์ดแห่งปราสาทฮอร์นได้ทำการปฏิญาณแก่ลัทธิเอ็มบินยู
-
องครักษ์ลับแห่งลัทธิเอ็มบินยูได้ถูกค้นพบแล้ว
- ค่าความศรัทธาเพิ่มขึ้น14
|
“อีกละ เป็นกระดาษแปลกๆอีกละ”
เขาจะได้รับข้อมูลใหม่ๆเสมอจากสิ่งของที่เขาดรอปมาได้
-
เมืองไทเร็คเป็นสาวกผู้คลั่งลัทธิเอ็มบินยู
เตรียมกองทัพของคุณเพื่อกำจัดพวกมัน
|
ข้อความนั้นจะส่องสว่างในการต่อสู้
เขายังคงได้รับข้อมูลเกี่ยวกับลัทธิเอ็มบินยูในขณะที่เขาย้ายจากเมืองและปราสาท
-
คุณได้รับรายชื่อของผู้ที่เซ็นเป็นสาวกของลัทธิเอ็มบินยู # 3 แล้ว
|
-
ได้รับข้อมูลที่สำคัญแล้ว
|
ตริ้ง!
-
นักประวัติศาสตร์รุ่นต่อไปได้ตัดสินช่วงเวลาสงครามนี้ว่าเป็นช่วงเวลาที่อำมหิต
มีทรราชที่โกงกินและไร้ความสามารถ
ขุนนางจอมโลภผู้หวังแต่ผลประโยชน์ และอัศวินที่กระหายเลือด
อย่างไรก็ตาม
มันไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าอาณาจักรเหล่านี้หลายแห่งได้ติดตามลัทธิเอ็มบินยู
พวกเขาทำให้ดูเหมือนรวมกันเพื่อต่อต้านลัทธิเอ็มบินยูแต่จริงๆแล้วเป็นสมาชิกลับของลัทธิ
หลังจากเวลาผ่านไประยะหนึ่ง
ลัทธิเอ็มบินยูก็หยุดกิจกรรมทั้งหมดของพวกเขาและหายไป
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เหล่ากษัตริย์ที่เหลืออยู่ต่างก็ต้องการเอาชนะซึ่งกันและกันและสงครามก็เริ่มน่าเบื่อ
|
-
ได้รับข้อมูลเบื้องหลังเกี่ยวกับยุคสมัยแห่งสงคราม
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเกิดขึ้นในสถานการณ์ของทวีป
ภารกิจได้รับการอัพเดท
ได้รับภารกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับลัทธิเอ็มบินยูแทนที่
'เส้นทางสู่โลก'
|
- การมาถึงของผู้พิชิต
ในยุคสมัยแห่งสงคราม
อาณาจักรจำนวนมากกลายเป็นสาวกของลัทธิเอ็มบินยู มีคนที่ต้องการทำในสิ่งที่ถูกต้อง
แต่พวกเขาอ่อนแอและไร้ซึ่งความหวัง
เหล่าสาวกผู้คลั่งลัทธิ
เริ่มแพร่กระจายออกไปอย่างลับ ๆ เหมือนเห็ดพิษ
โลกที่สดใสนั้นได้ก้าวเข้าสู่เงามืดแห่งลัทธิเอ็มบินยู
เมื่อนั้นเรือพิฆาตมาจากผืนทรายกว้างใหญ่เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของโลก
การแสวงหาที่ไม่ยอมแพ้ของพวกเขาสามารถลบเงาดำทั่วโลกนี้ได้หรือไม่?
เป้าหมายคือการทำลายล้างอาณาจักรทั้งหมดที่ติดตามลัทธิเอ็มบินยู!
และสังหารเหล่าสาวกให้ได้มากที่สุด!
นี่เป็นช่วงเวลาแห่งสงคราม
ที่กองกำลังชั่วร้ายกำลังแพร่หลาย จำเป็นต้องใช้
กำลังมหาศาลเพื่อถอนรากถอนโคนอย่างเด็ดขาด
ระดับความยาก:
ภารกิจเทคนิคแกะสลักลับขั้นสุดท้าย
รางวัลภารกิจ: ฉายาระดับพิเศษพร้อมค่าสถานะ
ข้อจำกัด:
ดำเนินการต่อด้วยสิ่งนี้จนกว่าจะถึง อเฮลลุน
ภารกิจจะล้มเหลวถ้าคุณหรือ
ฮิลเดรันตาย
วัตถุประสงค์:
ทำลายอาณาจักรต่อไปนี้ที่มีเหล่าสาวก
-ทำลายเมืองรอบ ๆ แม่น้ำเฮอร์
-ทำลายอาณาจักรเจเบน
-ทำลายฐานการฝึกของเหล่าสาวกในอาณาเขตรูเพรีย
-ทำลายรัฐสามเมือง วีโน่
-ทำลายล้างให้สิ้นซึ่งชนชาติทาโรต์
-เผาเมืองอิทัวให้ราบ
นอกจากนี้
ทำลายเมืองที่ไม่รู้จักอื่น ๆ ที่ได้สาบานจะเชื่อฟังลัทธิเอ็มบินยู
ภารกิจจะเสร็จสิ้นโดยที่บรรลุอย่างน้อย
3
เป้าหมาย หากคุณบรรลุ 5 เป้าหมายขึ้นไปการต่อสู้กับลัทธิเอ็มบินยู
จะขยายวงกว้างออกไป
โปรดระวัง:
สมาชิกของลัทธิเอ็มบินยู
อาจจะร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งคุณ
สาวกของลัทธิ
อาจเตรียมพร้อมเมื่อคุณมาถึงเพื่อหยุดการตื่นของมังกรกลียุค อัลซุเล็ท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับค่าเสื่อมเสียของคุณ
ยิ่งเหล่าสกวกถูกฆ่ามากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้การบูชายันต์ของลัทธิเอ็มบินยูประสบความสำเร็จน้อยลง
และการเป็นการป้องกันการปลุกมังกรกลียุคจากนิทรา
หากคุณสามารถบรรลุความสำเร็จได้ในระดับสูง
คุณจะได้ค่าตอบแทนหลังจากภารกิจเทคนิคสลักลับขั้นสุดท้ายสิ้นสุดลง
ความเสียหายที่มีต่อลัทธิเอ็มบินยูจะส่งผลกระทบต่อพลังของพวกมันในห้วงเวลาดั้งเดิท
|
“ภารกิจได้เปลี่ยนไปแล้ว”
ตลอดระยะเวลาการรบจะเต็มไปด้วยความเน่าเฟะ
ดังนั้นจำเป็นต้องแสวงหาผู้พิชิตเพื่อกำจัดความมืด!
บางทีชีวิตก็เป็นเหมือภารกิจที่ต้องเอาชีวิตรอด
ตอนยังเด็กตั้งแต่วัยอนุบาลถึงประถมพ่อแม่สามารถดูแลเขาได้ แต่เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นพวกเขาก็จะไปโรงเรียนมัธยมต้น
มหาวิทยาลัย หางานและแต่งงานเตรียมบ้านและมีลูก
มันไม่ง่ายที่จะจดจ่ออยู่กับภารกิจต่อเนื่อง
พวกเขาจะต้องสังเกตเห็นโดยสัญชาตญาณว่าเจ้านายของพวกเขาใช้ให้ทำงานล่วงเวลามากเกินไปเพื่อทำงานให้เสร็จและอาจจะต้องไปเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่เกี่ยวกับงาน
เมื่อพวกเขากลับถึงบ้าน พวกเขาอาจไม่ได้รับความเคารพจากครอบครัว
อย่างไรก็ตาม
ยังมีช่วงเวลาแห่งความสุขในขณะที่มีภาระอยู่บนไหล่ของพวกเขา
ระดับของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นและพวกเขาจะได้รับรางวัลจากสิ่งต่าง ๆ
วีดรู้สึกถึงจุดที่คล้ายกันในภารกิจนี้
“ อย่างไรก็ตาม ฉันต้องจำเนื้อเรื่องไว้ให้ดี และมันแค่ทำลายไปเรื่อยๆอย่างที่ฉันเคยทำมาจนถึงตอนนี้”
มันเป็นภารกิจที่เหมาะกับความถนัดของเขา
หลังจากได้รับอาชีพซัลวาโตรี(วีรชนผู้กอบกู้)มาความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นอีก
ลูกน้องของเขาก็กล้าหาญและไว้ใจได้
พวกเขาจะสามารถแสดงความทะเยอทะยานที่รุนแรงในสังคมสมัยใหม่ได้อย่างเต็มที่
“ ฉันจะทำลายทวีปด้วยมือของฉันเอง!”
(อ่าว...ไม่ใช้ว่าด้วยอาชีพเอ็งต้องช่วยไม่ใช้เหรอ)
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
ราชอาณาจักรดากานก็เป็นหนึ่งในประเทศที่เกือบจะถูกทำลายเนื่องจากภัยของสงคราม
ครั้งหนึ่งมันเคยมีระบบยุ้งฉางที่สำคัญควบคู่ไปกับที่ราบรูเบน
กษัตริย์และขุนนางที่ให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อลัทธิเอ็มบินยู ได้รับความร่ำรวยในขณะที่ทหารได้รับพลังพิเศษ
แต่ปัจจุบันเหลือประชากรเพียงไม่มากที่จะสามารถเรียกได้ว่าเป็นประเทศที่ทรงพลัง
คงเหลือไว้แต่วัฒนธรรมและซากปรักหักพังไม่มากนักสำหรับคนรุ่นต่อไปได้รำลึกถึง
ในยุคสมัยที่รุ่งเรือง
พวกเขามีอาณาเขตกว้างพอที่จะปกครองปราสาทใหญ่ 13 หลัง แต่ยุคสมัยวีดและนักรบทะเลทรายก็ได้เริ่มขึ้นและประวัติศาสตร์ก็เปลี่ยนไป
ทำให้พวกเขาต้องเจอกับการบุกรุกเมื่อ 100 ปีก่อน
“เราต้องการเมืองท่าที่ดีที่จะส่งเสบียงมาให้พวกเราได้
และอาณาจักรดากานน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด”
วีดได้นำกองทัพของเข้าเคลื่อนเข้าสู่เขตแดนของอาณาจักรดากาน
ราชนิกุลแห่งดากานเรียกประชุมฉุกเฉิน
แน่นอนว่า
วีดมองเหตุการณ์เหล่านี้ผ่านวีดีโอ มันเป็นผลจากคำอวยพรแห่งธรณีเทพ มีเนร์
"คนป่าเถื่อนพวกนั้นกล้าก้าวเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเรา
“มันช่างบังอาจจริงๆ สั่งสอนพวกมันให้หลาบจำ”
ผู้หญิงเปลือยกายครึ่งท่อน
กษัตริย์และขุนนางที่รวมตัวกันในพระราชวังที่ตอนนี้ต่างสับสนวุ่นวาย การบังคับใช้ของวินัยใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
อัศวินทหารที่มีประสบการณ์ถูกลดระดับลง ส่วนพวกขุนนางก็มีแต่พวกลิ้นสองแฉก
พวกเขาคุ้นเคยกับความฟุ่มเฟือยและการนับถือลัทธิเอ็มบินยู
“ เราจะทำลายคนป่าเถื่อน ดังนั้นทำไมองค์กษัตริย์ไม่เสด็จไปปรากฏด้วยตัวพระองค์เองและแสดงแสนยานุภาพเล่า? เราจะแสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีขององค์เหนือหัวต่อราชอาณาจักรโดยรอบ และแม้แต่คนที่เอาแต่ซุบซิบนินทาเกี่ยวกับพระองค์ก็จะได้หยุดเห่าหอนเสียที”
"ข้าเห็นด้วย.
ข้าจะนำทหารเองเพื่อจัดการลงโทษพวกมันให้สาสม ข้าจะสอนคนเถื่อนพวกนี้ให้รู้จักที่ต่ำที่สูง”
“ เอาจริงๆข้าก็เป็นห่วงอยู่นิดหน่อย ข้าได้ยินมาว่าคนเหล่านี้โหดร้ายผิดปกติ”
“ ข้าก็ได้ยินมาอย่างนั้น แต่พวกนั้นตั้งใจจะหยุดที่นี่
เอาทหารม้าและทหารราบที่มีเกราะเป็นป้อมปราการ พวกนั้นก็ที่ไม่อาจทะลวงเข้ามาได้”
“ แน่นอนขอรับฝ่าบาท เป็นพระดำริที่ดี ที่จะเกณฑ์ไพร่พลออกมาต่อสู้ก่อนที่จะดำเนินการเพื่อพิชิตพื้นที่อื่น
ๆ ”
“ อืม... มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยงลงทุนให้กับกองทัพซินะ”
ราชาแห่งราชอาณาจักรดากานมีทหารร่วม
60,000 นายและตั้งใจที่จะใช้กลางทุ่งโล่งเป็นสนามรบ
"ดูพวกมันซิ.
ข้าพนันได้เลยว่าท่านไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างทหารราบกับลิงภูเขาได้เลย”
“ ชุดเกราะของพวกมันไม่ได้มีแม้แต่ความเป็นเอกภาพของกองทัพเลย
ขอรับฝ่าบาท”
“ พวกมันไม่มีแม้แต่ธงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความภาคภูมิใจของพวกมันเองเลย”
“ ถึงเวลาแล้วขอรับ ที่พระองค์จะแสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีของฝ่าบาท
ทหารทุกนายที่อยู่ที่นี่พร้อมรับคำสั่งและรู้งานดี ดังนั้นขอพระองค์ทรงไปประทับด้านในและพวกข้าจะชะลอการรบไปจนถึงวันพรุ่งนี้ขอรับ”
เหล่าขุนนางแห่งราชอาณาจักรดากานร่วมกันเยาะเย้ยนักรบทะเลทราย
ทหารชั้นยอดของอาณาจักรดากานได้รับการจัดทัพตามตำราเป๊ะ!
“ พวกมันกล้ามองและเยาะเย้ยพวกเรา”
“ รอก่อนเถอะ? ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะเราในทะเลทรายหรอกนะ”
วีดขำสำเนียงชั่วร้ายออกมาขณะอยู่บนหลังอูฐแบคเทรี่ยน
ฮี้
หิ หิ หิ หิ!
อูฐดูเป็นสัตว์ไร้กำพืดต่ออาณาจักรดากาน
นักรบทะเลทรายขี่อูฐและพกอาวุธหลากหลายประเภท พวกเขาดูตลกไร้สาระต่อหน้าอัศวินที่แต่งองค์ทรงเครื่องในเครื่องแบบเต็มยศ
ภายใต้ชุดเกราะที่ถูกขัดเงามาอย่างดี ผู้ที่ใช้ดาบด้วยเท้าทั้งสองข้างบนพื้น
นักรบทะเลทรายใช้อาวุธได้ทุกชนิดอย่างเชี่ยวชาญ
และสามารถแสดงความสามารถที่โดดเด่นได้ พวกเขายิงธนูหรือขว้างขวานมือได้ด้วย
“ ในการต่อสู้ครั้งแรกเราจะทดสอบพลังของเรากับกองทัพ
หน่วยที่ 1 แกล้งทำเป็นทะลุแนวศัตรูเข้าไปจนลึก หน่วยที่ 2
จะวนไปทางด้านขวาเพื่อข้ามสิ่งกีดขวางใดๆหรือหน่วยสนับสนุนต่างๆ หน่วยที่ 3
จะรอการโจมตีจากศัตรูพร้อมให้ความช่วยเหลือหน่วยที่ 2 หน่วยที่ 4 จงวนไปทางซ้าย หน่วยที่
5 จงใช้ธนูยิงข้ามหัวศัตรูไปป้องกันการถอยหนีและหน่วยสนับสนุนอื่นๆ”
วีดแบ่งนักรบทะเลทราย
3,000 คนออกเป็นหน่อยย่อยๆ และใช้กลยุทธ์หลากหลายรวมถึงการโจมตีระยะไกล
“ข้าจะนำเอง ตามข้ามา เฮี้ยยา...”
ฝุ่นฟุ้งขึ้นมาขณะที่อูฐวิ่งไปข้างหน้า
กองทหารราบและทหารม้า 60,000 นายเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นอันตรายมากหากกองทัพของวีดเข้าปะทะตรงๆ
มันต้องใช้แรงอย่างมากเพื่อที่จะทำลายกำแพงของทหารราบชุดเกราะ
มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผู้ที่พยายามจะฝ่าทหารเข้าไปหาอีกฝ่าย
วีดไม่รู้สึกว่าต้องการการโจมตีด้านหน้า
ดังนั้นเขาจึงลองใช้กลวิธีที่หลากหลาย
“เราต้องกระหน่ำพวกมันให้หนัก”
นักรบทะเลทรายที่กระจัดกระจายเริ่มกลับมารวมตัวกันที่จุดนัดพบ
“ข้านักรบหมายเลข1”
เหล่าประติมากรรมสลักชีพ
พวกเขาเป็นผู้บัญชาการของนักรบทะเลทรายแต่ละหน่วย
“บุกได้....
ท่านพี่!”
“วันนี้มันจะเป็นงานเทศกาลเลือด”
เหล่าประติมากรรมสลักชีพ
แต่ละตนก็มีหน่วยของตนเองและโจมตีกองกำลังศัตรู
ความคล่องตัวและแรงทำลายล้างที่ไม่สามารถตอบโต้ได้
ประสาทสัมผัสที่เฉียบคมทำให้มองเห็นจุดอ่อนค่ายกลของศัตรูตั้งแต่ต้น ทหารราบหุ้มเกราะเคลื่อนไหวได้ช้า
ดังนั้นพวกเขาจึงไล่ตามกองทัพเกราะเบาไม่ทัน นอกจากนี้ยังมีความเสียหายสะสมจากลูกศรและขวานที่นักรบทะเลทรายขว้างในขณะที่วิ่งวนไปรอบๆ
ทหารม้าเกราะเป็นคู่ต่อสู้ที่ง่ายกว่ามาก
นักรบทะเลทรายเองก็เคยเป็นทหารม้าในทะเลทราย
เมื่อทหารม้าติดอาวุธพยายามที่จะแสดงพลังทำลายล้างของพวกเขา ฝ่ายตรงข้ามก็กระจายรูปทัพออกและวนกลับไปต่อขบวนทัพจากข้างหลัง
ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนสู้กับศัตรูที่ไม่มีวันหมดสิ้น และนั่นก็เป็นเพราะกลยุทธ์ที่มีไหวพริบของวีด
“ ไอ้ระยำพวกนี้
มันไม่มีเกียรติที่จะสู้ซึ่งๆหน้าเลยหรือไงนะ!”
“ไอ้พวกหมา(ไฮยีน่า)ลอบกัดเอ้ย... !” (คนเขียนน่าจะหมายถึง วิธีการล่าของไฮยีน่าที่จะไม่กระโจนไปตะคุบเหยื่อที่ตัวใหญ่กว่าในทีเดียว
แต่จะค่อยๆ กัดๆตอดๆไปเรื่อยๆจนเหยื่อหมดแรงลงละค่อยรุ่มกินโต๊ะ)
ทหารม้าเกราะอาละวาดอย่างคลุ้มคลั่ง
อัศวินเริ่มด่าทอกันเองและ และเริ่มหงุดหงิด แต่นักรบทะเลทรายคิดว่ามันไร้สาระ
“ พวกมันจะเอาเรื่องเกียรติยศมาพูดทำไมบ่อยๆนะ ”
“ไม่รู้ดิ พ่อแม่ข้าไม่เคยเอ่ยถึงเลยซักครั้ง”
“ เออ...เดี่ยวนะเหมือนข้าจะเคยได้ยินท่านมหาจักรพรรดิวีดพูดถึงมันอยู่บ้าง”
“จริงดิ.... ละมันคืออะไรละ”
“ มันเป็นบางสิ่งที่ทำให้ชีวิตยุ่งยากโดยเปล่าประโยชน์
หากเรามุ่งมั่นในการมีสุขภาพที่ดีและมีชีวิตยืนยาวขึ้นก็จงลืมๆมันไปซะ...”
นักรบทะเลทรายที่เชื่อในคำพูดของวีด
และในไม่ช้าทหารม้าชุดนั้นก็เหนื่อยมากจนไม่มีแรงที่จะวิ่งไล่อีกต่อไป พวกเขาช้าเป็นผลมาจากความเหนื่อยที่สะสมและชุดเกราะขัดเงาที่หนัก(รวมทั้งเกียรติยศที่ต้องแบกไว้ตลอดเวลา)
ชั่วอึดใจก็เกิดช่องโหว่ขึ้นในรูปขบวนของพวกทหารม้า วีดก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป
มันก็เป็นกลยุทธ์ทหาร101 ทั่วๆไปที่ทุกคนควรจะรู้
แม้แต่หมาป่าก็ใช้วิธีนี้เพื่อล่าสัตว์เช่นกัน
นักรบทะเลทรายของวีดนั้นแข็งแกร่งและ
เขาเข้าใจจุดอ่อนของศัตรูได้อย่างถ่องแท้ การเติบโตของวีดและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเป็นผลมาจากการฝึกฝน
22 ปี!
"ได้โปรด....
พอเถอะ....ข้า...ข้าหายใจไม่ทันแล้ว”
“ไม่เอาแล้ว.... ข้ายอมแล้ว...”
กษัตริย์และขุนนางยอมแพ้หลังจากชัยชนะที่เด็ดขาดนั้นเป็นของวีด
ราชอาณาจักรดากานมีผู้บาดเจ็บล้มตาย 23,000 คนแล้ว นักโทษเกือบ
25,000 คนที่ยอมทิ้งดาบ
ท่ามเหล่านักรบทะเลทรายอันน้อยนิดที่ได้รับชัยชนะ
แต่ส่วนใหญ่เป็นคนที่เติบโตมาพร้อมกับวีด ที่ถูกคัดเลือกมาจากชนเผ่าทะเลทราย
วีดออกคำสั่ง
“อย่าฆ่าใครที่ยอมจำนนแล้ว”
“ขอรับ ท่านมหาจักรพรรดิ”
และการทำลายและริบค่าปฏิกรรมสงครามของอาณาจักรดากานก็เริ่มขึ้น!
(ค่าปฏิกรรมสงคราม
หมายถึง การจ่ายค่าทดแทน การถ่ายโอนทรัพย์สินและเครื่องมือซึ่งฝ่ายที่แพ้สงครามจะถูกบังคับให้กระทำภายหลังมีการทำสนธิสัญญาสงบศึก)
“พวกมันคิดกลยุทธ์อย่างนี้ได้ยังไงนะ .... ข้าผู้ซึ่งสยบฟ้าดินยังเอาชนะมันไม่ได้”
กษัตริย์และขุนนางที่ถูกจับเป็นเชลยหลังจากยอมจำนนก็เริ่มโวยวาย
"ฟ้าดินเหรอ? ข้าไม่รู้หรอกนะว่ามันน่ากลัวซักแค่ไหน สิ่งที่น่ากลัวจริงๆ คือใบเสร็จค่าเครื่องทำความร้อนในฤดูหนาวต่างหาก
เฮ้...เด็กๆ เอาไอ้พวกที่เริ่มโวยวายนี่ไปกุดหัดซะให้หมด!”
แล้วอดีตราชาและขุนนางก็ถูกตัดหัวเพระปากของพวกมันเอง!
ตริ้ง!
-
ผู้นำของอาณาจักรดากานที่เป็นสาวกลับของลัทธิเอ็มบินยูได้หายไป
|
ประชากรหลายคนในราชอาณาจักรดากานเลิกการต่อต้านพวกเขา
แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งกลับคลุ้มคลั่งขึ้นมา
“โอ้....”
“ คนป่าเถื่อนพวกนี้ พวกมันควรจะจากไป”
“ มหาเทพเอ็มบินยู จะปกครองดินแดนนี้ การทำลาย. เผาให้หมด.
ฆ่าอย่าให้เหลือ!"
สาวกแห่งลัทธิเอ็มบินยู
ได้เปิดเผยธาตุแท้ของพวกมันออกมา หลังจากที่ไม่มีผู้นำอีกต่อไป พวกมันเริ่มปล้นสะดมและจุดไฟในที่ต่างๆ
ผู้คนในรัฐนี้แต่เดิมก็ไม่แยแสกับสิ่งต่างๆ เช่นศีลธรรมของมนุษย์ เกียรติหรือความวิตถารใดๆ
และไม่สนใจด้วยว่าใครจะเป็นผู้นำ
ตัวอย่างเช่นโนดูลอาจจะเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรดากาน
แต่วีดเป็นคนละเรื่องกัน
“ออกค้นหาทุกสิ่งที่มีค่าในเมือง และเผาเมืองทิ้งซะ!”
เขาพบเด็กวัยรุ่นมีร่างกายและสติปัญญาที่ดี
บังคับพวกเขาให้เป็นทาสกองกำลังของวีด ทำให้กองทัพเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 60,000 คน แต่วีดกลับไม่ชอบเด็กที่มีหน่วยก้านดี ที่ถูกคัดเลือกให้เป็นสาวกของลัทธิเอ็มบินยู!
พวกมันไม่มีความภักดีแม้แต่กับนายเก่า ดังนั้นพวกนี้จึงถูกรวมเป็นหน่วยกล้าตาย(เป็นพวกแรกๆที่จะถูกทิ้งให้ตาย)
“ สนามรบต่อไปคือ อะลูน่า เดินหน้าได้ (เอา....ขอเสียงคนที่เล่นเกมส์ Eluna หน่อย!)"
กองทัพที่แข็งแกร่ง
60,000 คนไม่ว่าจะเดินหรือเคลื่อนย้ายโดยใช้รถม้า พวกเขามีกองภูเขาขนาดย่อมๆของวัสดุอยู่เบื้อง
พวกพ่อค้าถูกบังคับให้เหมารถม้าและทำการค้ากับวีดเท่านั้น วีดได้สวมบทบาทวายร้ายแห่งสงครามในครั้งนี้อย่างเต็มตัว
“ ฉันไม่ควรหยุดแค่ครึ่งๆกลางๆ เมื่อเริ่มแล้วฉันต้องทำมันให้สุดๆไปเลย
ฉันต้องทำหน้าที่เป็นผู้พิชิตถ้าฉันต้องการเอาชนะพวกลัทธิเอ็มบินยู "
อาวุธจากอาณาจักรดากานถูกนำมาใช้เพื่อเก็บกวาดพื้นที่ครอบครองอื่นรอบๆ
โดยที่ไม่มีการต่อต้านมากนัก และในสงครามกับอาณาจักรอะลูน่า!
“ไอ้พวกป่าเถื่อน
น่ารังเกียจชะมัด!”
อะลูน่ามีขนาดใหญ่กว่าดากานเยอะมากและมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
วีดนำทัพและเข้าสู่ป้อมปราการสำคัญที่ชื่อว่าบรันเฮ็ม ในอาณาจักรอะลูน่า
“ ในไม่ช้าองค์ราชาก็จะส่งกำลังเสริมมา และพวกป่าเถื่อนเหล่านี้ก็จะตายจากไป”
เขาตัดสินใจที่จะโจมตีป้อมปราการบรันเฮ็มในอะลูน่า
ชัยชนะของวีด มาถึงที่นี่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมพร้อมสำหรับศึกที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ มันเป็นไปไม่ได้ที่นักรบจะมีชีวิตอยู่ตลอดไปในยามสงคราม
นี่เป็นโอกาสที่จะทำให้ทาสกลายเป็นนักสู้ที่เหมาะสม”
วีดเริ่มงานแบบไร้ความปราณี
“ เอาพวกทหารเดนตายจากอาณาจักรดากานมาถือคันธนู ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อเกราะหรือเกราะป้องกันให้พวกมัน
และให้พวกมันยิงธนูในขณะที่เดินเข้าหาป้อมปราการ”
“ขอรับ ท่านมหาจักรพรรดิ.”
นักรบทะเลทรายมอบคันธนูและลูกธนูให้กับทหารเดนตายตามคำสั่งของวีด
และบังคับให้พวกเขาเดินหน้าไปหาป้อมปราการ
ลูกธนูของป้อมปราการบรันเฮ็มลอยถลาลมเข้ามาปักเหล่าทหารพวกนี้จนพรุน
“โอ้...ไม่...ไม่จริง”
“ไม่ ได้โปรด ข้าไม่อยากตาย.”
ทหารที่พยายามหนีจะถูกประหารโดยนักรบทะเลทรายในทันที!
นักรบทะเลทรายนั้นไร้ความปรานี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร.
ป้อมปราการบรันเฮ็มได้รับการพิจารณาว่าเป็นศัตรู
ดังนั้นพวกเขาจะถอยไม่ได้ถึงแม้ว่านั่นจะหมายถึงความตาย และพวกเขาก็ไม่สามารถยิงธนูข้ามกำแพงได้
อย่างไรก็ตาม
ทหารเดนตายพวกนี้ถูกโจมตีและล้มลง! พวกเขาไม่มีเกราะหรือบังเกอร์เพื่อปกป้องร่างกายของพวกเขา
พวกเขาไม่สามารถซ่อนตัวหลังกำแพงและยิงธนูตอบโต้ได้
เกือบครึ่งหนึ่งของทาส
40,000 คนเสียชีวิตอย่างไร้ค่า และมันเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ถูกบังคับแลกมา
วีดมีความคิดอื่นในขณะที่เฝ้าดูสถานการณ์ที่น่ากลัวเช่นนี้
'ฉันควรกินจะใช้สปาร์เก็ตตี้คืนนี้ไหมนะ? หรือฉันจะกินราเม็งด้วยดี'
มันเป็นตัวเลือกที่ทำให้เขาลำบากใจจริงๆ
มีหลายกรณีเมื่อผู้เล่นติดต่อกับ
NPC
การให้และรับความช่วยเหลือจากผู้อื่นระหว่างการทำภารกิจจะทำให้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
วีดกับเหล่าประติมากรรมสลักชีพของเขามีความสัมพันธ์ที่คล้ายคลึงกัน
ความรู้สึกของการทำให้พวกมันทำงานหนักแม้ว่าพวกมันจะพยายามขัดขืนก็ตาม
NPC
ที่อ่อนแอกำลังจะตายแต่พวกมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับวีดโดยตรง พวกนั้นจะคงอยู่เฉพาะในทามไลน์ปัจจุบันเท่านั้น
จะอธิบายให้ง่ายๆก็คือพวกNPCพวกนี้จะหายไปในภายหลัง(ไม่กลับไป
ทามไลน์หลัก)ดังนั้นเขาจะใช้ทิ้งๆขว้างๆยังไงก็ได้ คนที่เข้มแข็งเท่านั้นแหละที่จะมีชีวิตที่สุขสบายเมื่อเทียบกับผู้อ่อนแอ
“ แค่นี้ก็พอได้และ ให้พวกทหารเดนตายหลบไปซะ”
“ขอรับ ท่านมหาจักรพรรดิ!”
นักรบทะเลทรายส่งสัญญาณให้ทหารเดนตายถอยกลับได้
ลูกศรสองสามดอกที่ลอยสุ่มสี่สุ่มห้าไปทำให้ใครก็ตามที่เสนอหน้าออกมาได้รับบาดเจ็บบ้างเล็กๆน้อยๆ
แต่ความเสียหายนั้นแทบจะไม่มีอะไรเลย การป้องกันได้ผลาญลูกธนูของพวกเขา และไม่มีท่าทีเลยว่าป้อมจะแตกลงภายในหนึ่งหรือสองวัน
“ มันจำเป็นที่จะลดจำนวนทหารลงเพื่อป้องกันการกบฏจากภายใน”
วีดอาศัยช่องที่ว่าพวกทาสจากสงครามครั้งนี้เกลียดราชอาณาจักรอะลูน่า
เมื่ออาณาจักรอะลูน่า ครอบครองพื้นที่ พวกเขาเกณฑ์ทหารและสร้างความเป็นปรปักษ์ในหมู่ทาสพวกนี้
นอกจากนี้
พวกเขากลัวนักรบทะเลทรายอย่างมาก วีดและนักรบทะเลทรายใช้ความกลัวของพวกเขาอย่างเหมาะสมเพื่อจัดการพวกทหารเดนตายในสนามรบ
พวกเขาใช้กลวิธีศัตรูแห่งศัตรูข้า เป็นมิตรแห่งข้าและ อย่าเป็นศัตรูกับวีด
เย็นวันนั้นวีดสร้างรูปปั้น
มันเป็นรูปปั้นที่แม่นยำของ ป้อมปราการบรันเฮ็มและดินแดนรอบ ๆได้แผ่นดินไหวแบ่งป้อมปราการออกเป็นสองส่วน
วีดให้ลูกน้องของเขาถอยออกมาจากป้อมปราการ
“ประติมากรรมธรรมชาติ มหาภัยพิบัติ!”
ครืนนนนนนน!
พื้นดินเกิดการสั่นสะเทือนอย่างหนักจนไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง
แม้จะอยู่ไกลออกไป ทั้งอูฐตกใจกระโดดและล้อม้ารถเกวียนก็หักลง และกำแพงหินหนาของป้อมปราการบรันเฮ็มก็พังยับลงมา
หอคอยที่มีนักธนูอยู่ก็ตกลงมาทับทหารที่อยู่ใต้หอคอย
เขาได้ยินเสียงกรีดร้องที่อยู่ไกลๆ
เนื่องจากพลังประติมากรรมภัยพิบัติ! เหตุผลที่เขาใช้ความสามารถนี้แม้จะได้รับโทษมากเพราะเขาต้องการชัยชนะที่แน่นอนและรวดเร็ว
“โจมตีได้”
วีดและนักรบทะเลทรายที่ขี่อูฐกระโดดข้ามกำแพงที่แตกออกเป็นสองเสี่ยง
ทหารเดนตายที่เหลือก็ตามมาสมทบโดยไม่มีเกราะ แต่ถือดาบ เหล่าทหารแห่งอะลูน่าล้มเหลวในการตอบสนองอย่างเหมาะสมหลังจากที่ป้อมปราการพังลงมายับเยิน
“วันแห่งจุดจบ!”
ทักษะของวีดเปลี่ยนกลับไปเป็นของสายอัศวิน
“การโจมตีของอัศวินดำ!”
ไม่มีใครกล้าพอที่จะรับทักษะของวีดตรงๆหรือแม้แต่จะอยู่ใกล้ในรัศมีดาบของเขา
นักรบทะเลทรายกระโจนเข้ามาร่วมด้วย
อุปกรณ์ที่ได้มาจากการพิชิตป้อมบรันเฮ็มในดินแดนแห่งทะเลทรายที่ร้อนระอุ
“โอ้...ฮา”
“บุกเข้าไป, ฆ่าให้หมด”
พวกทหารเดนตายก็พยายามฟาดฟันทหารของอะลูน่าอย่างดุเดือด
พวกเขาเจอกับความกลัวไม่จบไม่สิ้น เมื่อหันหน้าไปทางกำแพงก็เจอกับห่าธนู!
พวกเขาไม่กล้าบ่นกับวีดและนักรบทะเลทราย ดังนั้นความเคียดแค้นของพวกเขาจึงไปลงกับทหารของอะลูน่า
ทั้งหมด
“เราควรเก็บนักโทษไว้ไหมขอรับท่านจักรพรรดิ”
นักรบหมายเลขหนึ่งถามเขาขณะที่ทิศทางของสงความเทมาฝั่งเขาแทบจะร้อยเปอร์เซนต์
“ไม่,
เราจะไม่ให้อภัยใครก็ตามที่กล้าหันดาบใส่ข้า เผามันให้หมด
“เอาจริงหรือครับท่าน?”
“อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ”
ผู้ใต้บังคับบัญชาของวีด
เผาป้อมปราการทิ้งตามคำสั่งของเขา
- ค่าความอื้อฉาวเพิ่มขึ้นเป็น 48,921.
บารมีเพิ่มขึ้น
27.
คุณได้รับฉายา
'สังหารโหดและไร้เมตา'
|
สงครามที่โหดร้ายและรุนแรง!
โดยปกติแล้วการกระทำเหล่านี้จะไม่ถูกควบคุมโดยมนุษย์
อย่างไรก็ตามวีดคิดว่าเขาไม่ควรทำอะไรครึ่งๆกลางๆระหว่างภารกิจนี้
“ ฉันต้องการปลูกฝังความกลัวให้มากกว่านี้อีก เพื่อให้การต่อสู้ในอนาคตดำเนินไปอย่างราบรื่น”
พวกทหารราบต่างมีความคิดที่แตกต่างกันในยามสงคราม
หากพวกเขาไม่เคารพนักรบทะเลทรายพวกเขาก็จะก่อกบฏ ทหารเดนตายยังคงเกรงกลัวลัทธิเอ็มบินยู
และไม่เชื่อว่าทุกคนสามารถปราบพวกเขาได้ ความรุนแรงที่โหดเหี้ยมดูจะเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่าผู้คนจะไม่ก่อกบฏภายในทัพของเขา
ทหารเดนตายที่เห็นการสังหารหมู่นั้นก็กลัวจนตัวแข็ง
และมันก็ก่อให้เกิดผลข้างเคียง!
“ช่างสง่างามอะไรเช่นนี้”
“โอ้ลุงตู่ เอ้ย...ไอดอลทรราช ในตำนาน”
“ ใช่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นร่างจุติแห่งมหาเทพเอ็มบินยู
เขาสามารถสร้างบรรยากาศที่น่าหลงใหลได้จริงๆ”
เหล่าสาวกแห่งลัทธิเอ็มบินยูภายในซากปรักหักพังของป้อมบรันเฮ็ฒต่างชื่นชมยินดี!
สิ่งนี้มีอิทธิพลต่อพวกทหารเดนตาย
และพวกเขามีความก้าวร้าวมากขึ้นในระหว่างการต่อสู้ครั้งต่อไป
หลังจากชนะการสู้รบหลายครั้งการเกณฑ์การบังคับได้เพิ่มจำนวนทหารเดนตายเหล่านี้เป็น
200,000คน ชัยชนะในสงครามปิดล้อมทำให้เกิดความหวาดกลัววีด
และกองทหารของเขาที่กรีฑาทัพลึกเข้าไปในทวีป
บุคคลเดียวที่สามารถหยุดกิจกรรมที่ไร้ความปราณีของวีดได้ก็คือซอยูน
เธอเป็นคนเดียวที่รับผิดชอบเรื่องการระดมทุนทางทหารของวีด และเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
"….ใช่? เราสามารถทำเช่นนั้นได้."
การทำธุรกรรมเงินเป็นอะไรที่ไว้ใจไม่ได้แม้แต่ระหว่างพ่อแม่พี่น้องและลูก
ๆ ! แต่วีดรู้ว่าสิ่งที่ซอยูนทำในทะเลทราย เขาจึงอนุญาตให้เธอทำได้อย่างง่ายดาย
‘ฉันเชื่อว่าเธอจะทำมันได้ดี,
ยังไงก็ตาม ฉันสามารถหาได้มากกว่านี้อีก’
ที่เขาต้องทำก็แค่ไปปล้นคลังสินค้า!
ซอยูนจ่ายเงินให้กับพ่อค้าและจัดหาวัสดุที่จำเป็นให้กับกองทัพ
นี่เป็นช่วงเวลาแห่งสงคราม ดังนั้นพ่อค้าจึงต้องตาบอดด้วยเงินที่หนักพอตัว
“ ขอบคุณครับนายหญิงสำหรับการทำธุรกรรมนี้
มีอะไรที่ข้าสามารถช่วยท่านได้อีกบ้าง?”
หลังจากประสบความสำเร็จในการทำธุรกรรมซอยูนก็ได้มีคำสั่งพิเศษ
“.... คิดว่าทำได้ไหม.”
“ มันยากซักหน่อยที่จะผ่านหอคอยของนักเวทย์
แต่ถ้าเราใช้ประตูเคลื่อนย้ายหลวงก็สามารถทำได้ง่าย ขอรับ....? หากว่าข้าน้อยสามารถทำให้มันมาถึงเร็วขึ้นได้ นายหญิงพร้อมจะจ่ายให้กับเรามากกว่านี้ไหมขอรับ?
แฮะๆ...แน่นอนขอรับ ขอบคุณมากขอรับ! ข้าจะทำทุกวิถีทางเลยขอรับ ”
และพ่อค้าก็ส่งมอบช้าง
300
ตัว
จนถึงตอนนี้กองทัพของวีดประกอบไปด้วย
นักรบทะเลทรายและทหารเดนตาย ที่นอกจากจะปลูกฝังความกลัวในศัตรูแล้ว ซอยูนก็ยังได้จัดตั้งกองกำลังช้างมาให้อีก
★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★
จักรวรรดิฮาร์เวนได้ต่อต้านกองทัพพันธมิตรอย่างที่สุด
ปราสาทโมรอสเป็นสถานที่สำคัญในทวีปกลาง
มันเป็นเมืองการค้าที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ซื้อขายเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์
กำมะหยี่และเครื่องเทศ
จักรวรรดิฮาร์เวนได้รวบรวมเอาไว้หลังจากสหพันบริทเท่น
และพื้นที่ทั้งหมดก็มีภาษีที่สูงเกินกว่ามาตรฐานมาก
ท่านลอร์ด
รอปโน
“ ฉันคิดถูกแล้วจริงๆที่ติดสินบนกิลด์เฮอร์มิส เพื่อให้ฉันสามารถปกครองสถานที่แห่งนี้ได้
ฉันรวบรวมเงินจำนวนมากเนื่องจากมีการเก็บภาษีเพิ่มในขณะที่ปกครองเมืองนี้”
ท่านลอร์ดรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อเขามองออกไปนอกหน้าต่างและเพลิดเพลินไปกับภาพท้องฟ้าสีครามและสิ่งปลูกสร้างที่อยู่เบื้องหน้าเขา
“โรนี่, พวกบ้านตรงนั้นน่ะ…มันเปลี่ยนเป็นที่รกร้างตั้งแต่เมื่อไร”
“เอ่อ...ข้าก็ไม่มั่นใจครับ”
“หรือมันเป็นอย่างนั้นตั้งแต่แรกแล้วนะ”
“อาจเป็นไปได้ขอรับ, มันดูไม่น่าจะเป็นที่ที่ใครสามารถเข้าไปอาศัยอยู่ได้เลยครับ”
พวกเขาทั้งคู่เริ่มหัวเราะในความผิดพลาด
แน่นอนว่าท่านผู้ปกครองจะต้องรู้ถึงทุกๆ ตารางนิ้วของเมืองนี้ แต่ในวันอันร้อนระอุแห่งฤดูร้อนเช่นนี้
บ้านในเขตชานเมืองดูเหมือนจะละลายคล้ายไอศกรีม
"นี่เกิดอะไรขึ้น? ทำไมอาณาเขตที่อยู่อาศัยที่หรูหรามีขนาดเล็กลงอย่างชัดเจน ใช่มั้ย?
พวกเขาหายไปหมดแล้ว”
"เกิดอะไรขึ้น? บ้านหลังเล็ก ๆ ในเขตแดนได้หายไปและเมืองก็หดตัวลง!
นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง”
รอปโนได้ประเมินจำนวนผู้อยู่อาศัยโดยใช้โหมดที่สงวนไว้สำหรับขุนนาง
แต่เขายืนยันว่ามีคนน้อยกว่าเมื่อวาน 30,000 คน
"มันเกิดขึ้นได้อย่างไง? มันเหมือนกาฬโรคระบาดหรือไง”
มันเป็นสถานการณ์ที่ทำให้เขาจะเป็นบ้าไปแล้ว!
การเปลี่ยนแปลงค่อยๆย้ายจากที่อยู่อาศัยไปยังพื้นที่เชิงพาณิชย์ของปราสาทโมรอส ย่านธุรกิจที่เคยเฟื่องฟูค่อยๆหดลงอย่างเห็นได้ชัด
มีการลดลงของสินค้าทางการค้า
เครื่องแต่งกายของผู้พักอาศัยแย่ลงและท้องถนนก็ว่างเปล่า พ่อค้าที่เคยมีหน้าท้องยื่นออกมาก็กลับกลายเป็นผอมแห้ง
แผงลอยริมถนนปิดและอาคารก็ค่อยๆทยอยหายไป
ย่านการค้าปิดตัวลงและเมืองก็ละลายไปอย่างแท้จริง
สถานที่ที่ถนนและอาคารเริ่มถูกปกคลุมไปด้วยวัชพืชที่รกและพื้นที่โดยรอบกลายเป็นพื้นที่รกร้างและป่าไม้
“ไม่ๆ
มันเกิดอะไรขึ้น”
“เอี้ยอะไรเนี่ย....”
ผู้เล่นจากกิลด์เฮอร์มิส
และผู้เล่นทั่วไปที่ค้นพบสิ่งนี้อย่างช้าๆและสับสน มีพ่อค้าจำนวนมากมาที่ปราสาทโมรอสแม้จะมีภาษีสูง
นอกจากนี้ผู้คนนับร้อยที่อยู่หน้าประตูทางเข้า
ก็คิดว่ามันไร้สาระมากๆเพราะพวกเขากำลังเห็นเมืองค่อยๆหายไปต่อหน้าต่อตา!
“งั้นนี่ก็เป็นสัญญาณเตือนถึงความล่มจมซินะ”
“จริงด้วย, ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”
อย่างไรก็ตาม
มันเป็นเรื่องของคนอื่น ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสนุกที่จะดู ผู้เล่นต่างๆยังคงอยู่ในจุดๆเดียวกับอาคารนั้นที่หายไป
มันเป็นประสบการณ์ที่แปลกดีสำหรับพวกเขาที่จะได้สัมผัสอาคารหรือสินค้าที่พวกเขาเพิ่งจะซื้อมาละลายหายไปต่อหน้า
เมืองหายไปจนเหลือแค่ผู้เล่นเท่านั้น
กำแพงปราสาทโมรอส ค่อยๆจางหายไปจนกระทั่งเหลือเพียงลานโล่งๆ ปราสาทโมรอส และย่านการค้าเปลี่ยนเป็นทุ่งนาและป่า
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
อาคารไม้ปรากฏขึ้นที่แม่น้ำใกล้ๆ มีเรือลำเล็กลอยอยู่อย่างสบายและชาวประมง NPC อยู่ที่นั่น
สมาชิกกิลด์เฮอร์มิสวิ่งไปหาเขาทันที
“ ขอโทษนะคะ ฉันอยากถามอะไรคุณซักออย่าง”
"อะไรเนี่ย? ฉันอยู่ที่นี่สองสามปีแล้วและมันก็น่าประหลาดใจมากที่อยู่ดีๆผู้คนจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นทันที
"
“เอ๋....”
“ ใช่ คุณมาจากไหนละ เหนือหรือใต้?”
สมาชิกของกิลด์เฮอร์มีสรู้สึกหงุดหงิดกับชาวประมงที่กำลังจับเหยื่อใส่สายเบ็ดของเขา
“พวกเราเพิ่งจะยืนอยู่บนปราสาทโมรอสหยกๆ”
“ปราสาทโมรอสเหรอ?
ข้าไม่เคยได้ยินชื่อแบบนั้นแถวๆนี้เลย”
“จะไม่เคยได้ยินได้ไงลุง ก็มันเคยอยู่ตรงที่โลงๆนั้นเมื่อ
10 นาทีก่อนนี้เอง”
“ เฮ้ หยุดพูดเล่นซะทีเถอะ เจ้าทำให้ข้าเสียเวลา
นอกจากนี้ตรงนั้นนะ ลูกชายของข้าก็ทำงานอยู่ทุกวัน เขาพยายามปลูกพวกผักสวนครัวที่นั่นเมื่อสองปีก่อน
แต่มีกรวดมากเกินไปและเขาก็ต้องล้มเลิก”
พวกกิลด์เฮอร์มิส
ไม่เข้าใจสิ่งที่ชาวประมงพูดถึง พวกเขามีความรู้และประสบการณ์จากการทำภารกิจหลายอย่างในรอยัลโรด
อย่างไรก็ตามมันไม่ปกติเลยที่พวกเขาจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ เช่นเมืองใหญ่ที่หายไปจากตรงหน้าเฉยๆแบบนี้
ผู้เล่นทั่วไปที่มาถึงก็ถามชาวประมงเกี่ยวกับการหายไปของปราสาทโมรอส
ได้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา
จากนั้นสมาชิกคนหนึ่งของ
กิลด์เฮอร์มิสที่เป็นขโมยคนหนึ่งมีตาสีน้ำตาล อมเทา กลอกตาและถาม
“ ถ้าอย่างนั้นปราสาทโมรอส ไม่อยู่ที่นี่เหรอ?”
“ ไม่แน่นอน สถานที่ที่ใกล้ที่สุดคือปราสาท เฮเพน”
ปราสาทเฮเพน
เป็นดินแดนในอดีตของสหพันบริทเท่น และเป็นของ กิลด์เฮอมิส โชคดีที่ชาวประมงยืนยันว่าสถานที่นั้นปลอดภัย
“ ปราสาทโมรอสหายไปต่อหน้าต่อตา…ไม่...คำพูดเหล่านั้นไม่ได้หมายความว่ามันไม่เคยมีมาตั้งแรกใช่ไหม
และไม่มีใครเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับมันมาก่อน”
“ใช่ ในที่สุดก็พูดจารู้เรื่องซักที
....ไหนเล่าอาการมาซิ พวกเอ็งไปโดนตัวไหนกันมา....”
“ข้าก็ตกปลาของข้าอยู่ที่นี่มานานนะ”
“ตั้งแต่ข้าเจ็ดขวบ แต่นั่นก็มันก็สามสิบปีมาแล้ว
และข้าก็จะตกมันอยู่ตรงเนี้ยจนแก่ตายไป และเมียข้าก็จะชุนแหตกปลาไปอย่างนี้แหละ”
พวกเขาไม่สามารถเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับปราสาทโมรอสที่หายไปโดยไร้ร่องรอยจากทวีป
แต่กิลด์เฮอร์มิสยังมีอยู่ แต่ในตำแหน่งนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องเข้าใจใหม่หมด
“ทำไมถึงไม่มีเมืองเลยล่ะ?
มันเหมือนผืนดินอันว่างเปล่า”
“
อืม…ฉันได้ยินจากนักท่องเที่ยวคนหนึ่งว่าปราสาทเฮลตัน ที่มีผู้อยู่อาศัยหลายคนเคยอยู่ที่นั่นอะนะ”
ก่อนที่อาณาจักรของสหพันบริทเท่นจะเข้ายึดครองพื้นที่ปราสาทเฮลตัน
เคยถูกปกครองโดยอาณาจักร อะลูน่า
“ หลังจากการรุกรานของชนเผ่าทะเลทราย ก็ไม่มีเสาของปราสาทเฮลตันเหลืออยู่เลยสักต้นเดียว”
“มีผู้บุกรุกเหรอ?”
"ใช่.
พวกเขาทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ อาณาจักรอะลูน่า ไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ ราชาปีศาจวีดเพลิง......ไม่....คงหมายถึงวีด(Fire Demon
Weed).....ได้กวาดล้างเอาทุกอย่างออกไป”
วีด....อีกแล้วเหรอ!
ชื่อนั้นทำให้การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในทวีปเวอร์เซลล์ก็พอจะเข้าใจได้
ในหมู่เล่นในปัจจุบันบางคนพบว่ามันมีเหตุเกี่ยวเนื่องกันในสถานการณ์ต่างๆ
“
สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเมืองทะเลทรายที่ผุดขึ้นมาทางใต้หรือเปล่า
“ข้าคิดว่ามันจะประจวบเหมาะเกินไป
มีเมืองเพิ่มขึ้นและปราสาทโมรอสก็หายไป”
“ ไม่... มันจะเป็นภารกิจประเภทไหนกันที่เกี่ยวข้องกับเวทมนต์ประเภทนี้”
“ข้าไม่รู้
แต่ที่แน่ๆมันเป็นต้นเหตุทำให้ปราสาทโมรอสหายไป”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น”
สมาชิกที่เหลือค่อยๆรู้ข่าวที่เกิดขึ้นต่างก็รู้สึกเหมือนเป็นลมกันทั่วหน้า
ปราสาทโมรอส
มีมูลค่าการค้าที่สูงและยังเป็นศูนย์กลางการขนส่ง การสูญเสียปราสาทโมรอสไปจะทำให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ในกิจกรรมของปราสาท
เฮเพน และแม่น้ำแมดเฮด จะมีมอนสเตอร์มากมายออกอาละวาดในพื้นที่รอบๆ
หากไม่มีกองทัพประจำการอยู่ที่ปราสาทโมรอสเพื่อปราบปราม พวกเขาก็จะมีปัญหาใหญ่ในภายหลัง
“ เอาอย่างนี้, มุ่งหน้าไปยังปราสาทเฮเพนก่อนเพื่อพิจารณาหาวิธีการแก้ไข
หากพวกเขาให้การสนับสนุนแก่เรา เราก็สามารถสร้างปราสาทโมรอสขึ้นมาใหม่ได้”
“ลุกขึ้น, เตรียมตัวซะ เราจะออกเดินทางในอีกสามสิบนาที”
หลังจากนั้นกิลด์เฮอร์มิสก็ถามชาวประมงอีกครั้ง
“ สถานที่ที่ใกล้ที่สุดคือปราสาทพรีเดิลหรือเปล่า”
"อืม...? ปราสาทเฮเพนอยู่ใกล้ แต่ปราสาทพรีเดิลอยู่ค่อนข้างไกลนะ ข้าคิดว่าคงใช้เวลาประมาณ
2 ชั่วโมงในการขี่ม้า”
“ คุณเพิ่งจะพูดว่าใกล้กว่าปราสาทเฮเพน หรือเปล่า?”
ชายตกปลาเกาหัวของเขาช้าๆ
“ฉันพูดอย่างนั้นเหรอ? ฉันจำไม่ได้แหะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินชื่อเฮเพน แหะ”
หน้าของสมาชิกกิลด์เฮอร์มิสเริ่มซีดเผือดลงอีกครั้ง
และผู้คนเริ่มประสบกับปรากฏการณ์ของปราสาทเฮเพนที่ค่อยๆหายไปต่อหน้าต่อตา....เหมือนภาพลวงตา....ที่ไม่เคยมาก่อนในประวัติศาสตร์....
จบตอน
ผู้แปล :
“Semplice”
Editor : แอดชิน เพจ
เราอ่านนิยายแปล