วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เล่มที่ 18 ตอนที่ 3 : ปีก แปลโดย Maruipengin

เล่มที่ 18 ตอนที่ 3 : ปีก แปลโดย Maruipengin


พวกเขาข้ามผ่านทะเลทราย เเม่น้ำ และทุ่งหญ้าของเขตทางใต้
ในการที่จะข้ามชายแดนของแอฟริกาไปยังประเทศอื่น คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการข้ามด้วย ซึ่งมันก็ค่อนข้างแพง ที่ชายแดนของทะเลทรายนั้นมีแม่น้ำสองสายไหลผ่านซึ่งพวกสัตว์ต่างๆ พากันมาดื่มน้ำ  
ล้วนเต็มไปด้วยสรรพสัตว์มากมาก เช่น ละมั่ง ม้าลาย เสือชีต้า หมาไน ควายป่า ลิง และกวาง
ท้องฟ้านั้นถูกเติมเต็มไปด้วยฝูงนกหลากหลายสี  ขณะนั้นเอง จอง บอม อา ก็ได้พูดกับ ลี ฮุน ว่า
 “นี่มันสุดยอดไปเลย อย่างกับสวนสัตว์เล็กๆแน่ะ
เหล่าสัตว์ที่อยู่ที่นี่!
ลี ฮุน พยักหน้าแล้วกล่าวกลับไปว่า
 “ผมก็คิดว่าอย่างนั้นแหล่ะครับ
เหล่านกกระจอกที่เกาะอยู่ที่เสาโทรศัพท์นั้นเปรียบเทียบไม่ได้เลยกับเศษเสี้ยวของความรู้สึกที่เขาได้พบเจอจากนกฟลามิงโก้สีชมพู
รถจิ๊บนั้นปลอดภัยจากการจู่โจมของสัตว์เพราะว่ามันถูกสร้างด้วยเหล็กที่แข็งแรงเป็นพิเศษ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังระวังตัวถ้ารถมันเกิดเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็...
ลี ฮุน ขับรถไปตามถนนขรุขระกับ จอง บอม อา พวกเขาทั้งสองไม่เบื่อเลย กับการที่ได้จ้องมองและเฝ้าดูเหล่าสัตว์ต่างๆ...
สัตว์ต่างๆในเกาหลีส่วนมากถูกขังอยู่ในกรง แต่ที่นี่เต็มไปด้วยสัตว์กินพืชมากมาย ที่กำลังแทะเล็มยอดหญ้า ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทุกหนแห่ง
มีพวกยีราฟที่คอยเฝ้าระวังเหล่าสัตว์ดุร้ายด้วยคอยาวๆของมัน
เหล่าสิงโตที่หิวกระหายกำลังสอดส่อง มองหาเหยื่อที่หลงฝูงออกมา จระเข้นั้นก็ว่ายอยู่ในแม่น้ำ


คืนนี้พวกเขานอนหลับกันในรถ
ครืน ครืน ครืน ครืน
คิฮี้ๆๆๆๆ! (ไปเปิดหาดูในยูทูปละกัน เสียงฝูงสัตว์วิ่งผ่านทุ่งหญ้าในแอฟริกา)
มันสั่นไปมาเพราะว่าสัตว์ป่าวิ่งไปมาและก็ส่งเสียงดังไปทั่ว เวลากลางคืนในแอฟริกามันช่างอันตรายจริงๆ
พวกเขาไปเพื่อส่งยายังหมู่บ้านของชนเผ่าแอฟริกันในเขตทุ่งหญ้า
พวกเขาไปยังเมืองที่ใหญ่กว่าเพื่อส่งต่อไปยังเมืองอื่นๆ ลีฮุน รู้สึกดีกับงานที่เขาทำอยู่มาก แต่ว่าก็ยังมีบางอย่างที่ติดใจเขาอยู่เหมือนกัน

ดินแดนเเเห่งนี้สวยงามมากมาย เช่นเดียวกันกับเหล่าสัตว์ต่างๆ แต่เขาก็มองเห็นถึงความจริงอันแสนโหดร้ายของธรรมชาติที่มอบให้กับผู้คนที่ยากจนทั้งหลาย
แอฟริกานั้นเป็นแหล่งที่มีสลัมใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีเด็กๆที่อดอยากอยู่มากมายในสถานที่แห่งนี้

รองเท้าที่ซื้อมาจากเกาหลีเพียงหนึ่งคู่นั้นเพียงพอที่จะช่วยชีวิตเหล่าเด็กๆในแอฟริการได้มากถึง 10 คน
เรายังโอเค อย่างไรก็ตาม เราอยากจะสะท้อนสิ่งเหล่านี้ออกมา ตอนนี้เราคงต้องพยายามให้มากขึ้นแล้วก็ทำงานให้หนักขึ้นไปอีก
มากกว่าการที่มานั่งจมอยู่กับอดีตแบบนี้ เขาผลักดันตัวเองไปข้างหน้า มุ่งสู่อนาคต
ชีวิต ธรรมชาติ โชคชะตา และความฝัน
จากการที่ได้เห็นชีวิตในแอฟริกา เขามีเวลาที่จะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
โลกนี้ ช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
ในขณะที่บางคนกำลังหัวเราะตอนนั่งดูทีวี แต่ยังมีคนอีกมากที่เจ็บป่วย หิวโหย และกำลังจะตาย  

ทั้งโรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา หรือแม้แต่มหาวิทยาลัย

พวกเขาไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษาเหล่านั้นเลย และแถมยังไม่มีความฝันว่าจะทำอะไรเมื่อโตขึ้น
การเดินทาง!
ในตอนแรกเขาไม่อยากจะไปที่ไหนสักแห่ง แต่ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจที่คิดเช่นนั้น
มันเป็นเวลา 4 วันตั้งแต่ที่เขาได้มายังแอฟริกาแห่งนี้

พวกเขาถึงเมืองที่เป็นที่หมายตอนเกือบจะหมดวัน
ลีฮุน ถอดหน้ากากคลุมที่เต็มไปด้วยฝุ่นทรายออก ทั้งหัวและตัวของเขาเต็มไปด้วยฝุ่นเต็มไปหมดทั้งตัว

 “ศิษย์พี่ครับ ที่นี่คือที่ไหนกัน?”
 “ที่นี่คือใจกลางของแอฟริกา
ณ ใจกลางเมืองแอฟริกานั้น มีตึกขนาดใหญ่และร้านค้ามากมาย แล้วก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน ความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและเป็นเมืองที่มีการค้าขายกับต่างชาติ
 “พวกเราจัดส่งยาทุกตัวเรียบร้อยแล้วและตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาพักผ่อนซะที
 “ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับ
ลีฮุนและจองบอมอา ไปที่โรงเเรมเพื่ออาบน้ำ
แล้วหลังจากนั้นก็กลับมายังตัวเมืองแอฟริกา
มันเต็มไปด้วยคนผิวดำมากมาย เดินเข้าออกอยู่ในตรอกที่ดูเหมือนจะเป็นสลัม
นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกสามารถเห็นสิ่งเหล่านี้ได้ที่แอฟริกา
ในเมืองนี้มีการรักษาความปลอดภัยที่ดีมาก แต่ถึงอย่างไรผู้คนก็ระมัดระวังและไม่เข้าไปใกล้ลีฮุนและจองบอมอา
มองดูจากเสื้อผ้าที่พวกเขาใส่แล้ว ดูยังไงก็โจรทะเลทรายชัดๆ
วันต่อมาพวกเขาขึ้นเครื่องบิน
พวกเขาออกจากแอฟริกาเหนือไปยังยุโรป ดังนั้นพวกเขาจึงข้ามผ่านมหาสมุทร
 “ตอนนี้เรากำลังจะไปไหนกันครับ?”
ลีฮุนถามจองบอมอาที่กำลังสะพายร่มชูชีพ
 “เรากำลังไปที่นี่
 “จริงดิ?”
 “ลูกผู้ชายทุกคนควรลองกระโดดร่มสักครั้งนึงใช่ไหม?”
ลีฮุนมองไปที่หน้าต่างของเครื่องบิน
บ้านเรือนในยุโรปมองดูเหมือนจุดเล็กๆและถนนก็มองเห็นเป็นภาพเบลอๆ
 “ผมไม่เคยกระโดดร่มมาก่อน
 “เดี๋ยวก็เคย
พวกเขาได้รับเอกสารประกอบเกี่ยวกับการกระโดดแผ่นเล็กๆจากผู้ฝึกสอนชาวฝรั่งเศส
เดชะบุญที่ผู้ฝึกสอนนั้นเคยเรียนวิชาดาบที่โรงฝึกมากก่อนเขาจึงสามารถอธิบายเป็นภาษาเกาหลีได้อย่างรวดเร็ว


 “เปิด!”
ประคูเครื่องบินเปิดออกมา ร่างกายพวกเขาสั่นไหวเพราะแรงลมที่เข้ามาปะทะ
จองบอมอาตะโกน
 “ฉันจะไปคนเเรก!
จองบอมอากระโดดออกจากประตูเครื่องบินอย่างสวยงามและเริ่มตกลงไปที่พื้นดิน
เขาวิ่งออกไปอย่างยากลำบาก ลีฮุนกระโดดออกไปจากประตูเครื่องบิน
ขณะนั้นเอง
เขาลอยอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าสีคราม
เขารับรู้ถึงสายลมที่พัดผ่านร่างกายตอนที่เขาตกลงมายังพื้นดิน
มันเหมือนกับตอนที่เขาตกลงมาจากลาเวียสเมืองเเห่งท้องฟ้า!
ในขณะที่เขาร่วงหล่นลงมา ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขามีอิสระที่จะไปที่ไหนก็ได้

โรงแรมห้าดาวในปารีส ที่ฝรังเศส
ลีฮุนและจองบอมอากำลังผักผ่อนอยู่ที่เพนเฮาส์(บ้านเล็กบนหลังคาตึก) หลังจากเช็คอินกับพนักงานโรงแรม พนักงานโรงแรมมองพวกเขาแปลกๆ พวกเขาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคู่เกย์ตั้งแต่เดินเข้ามา จำนวนประชากรที่เป็นเกย์มีมากในเกาหลีเมื่อเทียบกับยุโรป
 “เอ้า!ดื่ม!
โรงแรมที่พวกเขาพักอยู่ในฝรั่งเศสนั้นมีไวน์ให้บริการอยู่ในห้องด้วย
จองบอมอาเขวี้ยงกระเป๋ามาวางข้างๆ และก็หยิบมีดออกพกออกมาเพื่อเปิดไวน์คุณภาพดีนั้น
เขาไม่สนใจที่จะใช้ที่เปิดขวดไวน์เลยสักนิด เเล้วเขาก็เทไวน์เย็นๆใส่แก้วแล้วก็ดื่มมันทันที
 “อ่าาา สดชื่นสุดๆ!! แล้วที่นี่มีวิสกี้(เหล้ากลั่นที่ถูกเก็บรักษาในถังไม้)หรือโซจูด้วยไหมหว่า?”
คนเกาหลีทั่วไปชอบที่ดื่มโซจู
 “ไม่มีอะไรเยี่ยมเท่ากับโซจูอีกแล้ว
 “ใช่ เด็กมัธยมที่ไหน เค้าดื่มไวน์กัน โซจูน่ะยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว
พวกเขาไม่เข้าใจในรสชาติแล้วก็กลิ่นของไวน์
มันขมนิดๆ
สำหรับจองบอมอาแล้วนั้น เขาไม่ชอบดื่มไวน์เอาเสียเลยเพราะเขาว่ามันไม่อร่อย
 “ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมมันถึงแพง มันออกจะห่วยแตกขนาดนี้
พวกเขาแขวะถึงพวกที่ชื่นชอบไวน์ทุกคนบนโลกนี้
โซจูนั้นเหมาะที่จะดื่มกับอาหารประเภทหมูแล้วก็สังสรรค์กับเพื่อนฝูง มันช่วยทำให้บรรยากาศในวงสนทนาดีขึ้น
 “โซจูเจ๋งที่สุดในโลกแล้วแหล่ะ
ลีฮุนและจองบอมอา เดินไปที่ระเบียงแล้วก็จ้องมองหอไอเฟลระหว่างดื่มแอลกอฮอล์
ทั้งคู่เพลิดเพลินไปกับการดื่มของพวกเขา เพราะว่ามันฟรีไม่ต้องเสียตังสักบาท
ที่นอกหน้าต่างนั้นสามารถมองเห็นแม่น้ำเซน แล้วก็สถานที่ทางประวัติศาสตร์ของปารีส

ในยุโรปนั้นกล่าวได้เลยว่าปารีสเป็นเมืองที่มีถนนสวยงามที่สุด
ที่ล็อบบี้ของโรงแรมนั้นประดับไปด้วยรูปปั้นแล้วก็รูปภาพที่สวยงามในทุกๆมุม
แม้แต่แอลกอฮอล์เย็นๆยังให้ความรู้สึกที่ลุ่มลึก
จองบอมอา แกว่งขวดเหล้าไปรอบๆแล้วพูดว่า
 “นอกจากเราจะมานั่งแกร่วดูทีวีกันแบบนี้ ทำไมเราไม่ไปเดินท่องราตรีรอบๆปารีสกันล่ะ
 “ก็ดีนะ
 “เตรียมร่มชูชีพให้พร้อม
 “ใช่แล้ว
มีหนังเรื่องนึงที่กำลังฉายในทีวี มันดัง มากในยุโรปและอเมริกา
โรงแรมห้าดาวนี้มีโปรแกรมฉายช่องทีวีจีนและก็ญี่ปุ่นพอสมควร แต่สื่อบันเทิงของโรงแรมกับไม่มีของเกาหลีมากนัก
ลีฮุนติดกล้องวิดีโอไว้กับร่มชูชีพของเขา
ทุกๆอย่างถูกบันทึกเอาไว้ในกล้องวิดีโอ!
 “ฮุฮุฮุ
จองบอมอา หัวเราะแบบน่าเกลียดใส่กล้องแล้วเขาก็เดินไปที่ระเบียง
 “นายแน่ใจนะว่าเรานอนอยู่ที่โรงแรมห้าดาว มาเร็ว ไปกันได้แล้ว!!
พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้ลิฟท์เลยสักนิด จองบอมอากระโดดลงไปจากระเบียง มันเหมือนกับว่าเขาจะกระโดดตึกตาย ในหัวพวกเขานั้นมีเพียงแค่สัมผัสยามค่ำคืนของปารีสเท่านั้น
 “ประสบการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางสินะ
ลีฮุนรีบตามเขาไป เขาปีนไปที่ระเบียงเเล้วก็กระโดดลงไปข้างล่าง
เขากระตุกร่มทันทีแล้วก็ค่อยๆตกลงมาที่พื้นในยามค่ำคืนของปารีส
โรงแรมที่พวกเขาพักอยู่นั้นสูงมากๆ พวกเขาจึงทำแบบนี้เพื่อที่จะเก็บภาพวิวทิวทัศน์ของปารีส
ตอนนี้พวกเขาใกล้จะถึงพื้นแล้ว!! เพราะว่าจองบอมอามีประสบการณ์มากกว่าในการกระโดดร่มเขาจึงถึงพื้นก่อนเป็นคนแรก

ผู้คนจ้องมองพวกเขาตั้งแต่ที่พวกเขากระโดดลงมา ทันใดนั้นสาวงามชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งจ้องมองมาที่พวกเขา
หล่อนถามเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า
 “พวกคุณมาจากที่ไหนกัน?”
จองบอมอา ไม่รู้ภาษาฝรั่งเศส แล้วเขาก็ไม่รู้ภาษาอังกฤษด้วยเหมือนกัน
เขาเหล่ไปที่ลีฮุน แน่นอนลีฮุนก็ด้วย
“...”

พวกเขานิ่งไม่รู้จะพูดยังไง
เมื่อเขาเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัย GED นั้นใช้เพียงแค่ภาษาอังกฤษพื้นฐานเท่านั้น (GED (General Educational Development) คือการสอบเทียบเท่าระดับวุฒิมัธยมศึกษาตอนปลายในประเทศไทยตามหลักสูตรการศึกษาของสหรัฐอเมริกาและแคนาดา นั่นหมายความว่าผู้ที่ผ่านการสอบ GED จะมีศักดิ์และสิทธิเทียบเท่าการเรียนจบม.6 ในไทยและสิ่งนั้นหมายถึงการมีสิทธิสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้)

พวกเขาเป็นคนเกาหลี และไม่ได้เรียนภาษาอื่นๆเพิ่มเติมเลย พวกเขาจึงไม่เข้าใจที่ผู้หญิงฝรั่งเศสคนนั้นถามมาสักนิด ลีฮุนจึงตัดสินใจที่จะเมินหล่อนไป

 “ศิษย์พี่ ไปหาฮ๊อทดอกกินกันเถอะ
เขาเข้ามาช่วยจองบอมอาให้หลุดพ้นจากสถานการณ์นั้น
 “แน่นอน มันอยู่ตรงนั้นใช่ไหม
พวกเขาเมินสาวชาวฝรั่งเศสคนนั้นแล้วก็มุ่งตรงไปที่แผงขายฮ๊อตดอก
แปะแปะแปะ!
คนแถวๆนั้นที่เขาเดินผ่านต่างปรบมือให้พวกเขา
พวกเขาต้องการที่จะเเสดงความยินดีที่พวกเขากระโดดร่มลงมาได้สำเร็จ
พวกเขาเดินไปรอบๆเหมือนกับนักท่องเที่ยวทั่วไปที่มาเดินเล่นผักผ่อนในแต่ละวัน
พวกเขาไปที่พระราชวังแวร์ซาย สวนลักเซมเบิร์ก จตุรัสคองคอร์ด และ โรงอุปรากรบาซติล เมื่อมีสิ่งสวยงามเหล่านั้นเป็นแบ็กกราวด์ จองบอมอาจึงยืนโพสต์ท่าโชว์กล้ามเพื่อถ่ายรูป
 “เอาล่ะนะ 1 2 3!”
 “แชะ!”
 “มาที่นี่แล้วก็ทำแบบนี้
 “ใช่
 “โอเค ไปได้แล้ว
รูปถ่ายปกติสำหรับทริปนี้!!
พวกเขาควรขอให้คนแถวนั้นหรือพวกนักท่องเที่ยวให้ถ่ายให้สัก 1 หนือ2รูป
พวกเขามัววุ่นอยู่กับการกินฮ๊อตดอกบนถนนที่สวยงามในกรุงปารีส
 “ฮ๊อตดอกในปารีสอร่อยดีเวอร์
 “มันโคตรอร่อย งั้นเย็นนี้กินพอร์คช๊อปกันดีไหม?”
 “ก็ดีนะ พอร์คช๊อปก็ดูโอเค
หลังจากกินอาหารมื้อสุขภาพนี้เข้าไป พวกเขาก็ไปที่เยอรมันกันต่อ โรงฝึกมาที่นี่กันก่อน แล้วก็เช่ามอเตอร์ไซต์สำหรับพวกเขาเอาไว้ให้
 “ไปเช็คประสิทธิภาพของรถมอเตอร์ไซต์ออโต้บาห์นกันเถอะ
รถมอเตอร์ไซต์ออโต้บาห์น!(คล้ายๆบิ๊กไบค์ละกัน)
 แถวนี้มีจุดพักรถข้างหน้าใช่ไหม มานั่งกินก๋วยเตี๊ยวแล้วก็มันอบท่าจะดีนะ
แล้วพวกเขาก็เดินทางต่อไปยังเนเธอร์แลนด์ด้วยการขี่มอเตอร์โบ๊ธ(ประมาณเรือสปีดโบ้ท)ความเร็วสูงและก็ดำน้ำ
พวกเขาสำรวจไปยังพื้นมหาสมุทรแล้วก็จ้องมองดูฝูงปลา ต่อมาพวกเขาก็ข้ามไปยังประเทศอังกฤษเพื่อดูฟุตบอล
ที่นั่นมีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีและนักเรียนมากมาย
บนชายหาดครอยด์ในประเทศอังกฤษนั้นมีลมแรงพัดมาจากพายุ
 “อากาศดีจังเลย
 “อากาศแบบนี้ยอดเยี่ยมสุดๆ
มีกลุ่มเมฆดำทะมึนก่อตัวบนท้องฟ้าและทำทีเหมือนกับว่าฝนจะตกลงมาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
เป็นอากาศแบบที่ว่าหากมีฟ้าผ่าลงมาตอนนี้ก็ไม่แปลก

ตามที่ท่านอาจารย์สั่งไว้ พวกเราต้องไปเล่นเซิรฟ
ลีฮุนและจองบอมอาเปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำ บนชายหาดนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่จ้องมองคลื่นอยู่
ทุกๆครั้งที่พายุเริ่มแรง คลื่นจะก่อตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
พายุนั้นค่อนข้างแรงซึ่งจะก่อตัวขึ้นทุกๆ 10 ปี
คลื่นที่ใหญ่โตกำลังเคลื่อนตัวเข้าหาชายฝั่งอยู่ทุกขณะ
 “นายไม่เคยเล่นเซิรฟมาก่อนใช่ไหม?”
 “ไม่เคย
 “ถึงจะเป็นครั้งแรกก็ไม่เป็นไร คอยดูไปแล้วก็ทำตามเหมือนที่คนอื่นๆทำละกัน
มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งพยายามที่จะโต้คลื่น จองบอมอากับลีฮุนพยายามที่จะจดจำท่าทางการเคลื่อนไหวของคนอื่นอย่างแม่นยำ แล้วก็ค่อยๆเดินอย่างระวัง
ชายหนุ่มเอเชียสองคนเดินถือเซิร์ฟบอร์ด(กระดายโต้คลื่น)ลงไปยังหาด โดยสวมเสื้อเซิรฟที่กันแรงต้านของน้ำ
อย่างไรก็ดีเขาไม่ได้สวมท่อนบน เพื่ออวดกล้ามเนื้อที่ฝึกฝนมาอย่างดีเยี่ยม
มีสายตาของชาวอังกฤษจับจ้องมายังชาวเอเชียอย่างจองบอมอา
 “ขอก่อนนะ
จองบอมอาแล่นเซิรฟบอร์ดไปยังทะเลและก็พยายามที่จะโต้คลื่น แต่คลื่นที่ถาโถมเข้ามานั้นก็เป็นอุปสรรคไม่ใช่น้อย
สายตาของลีฮุนมองไปตามฝูงชนอย่างกล้าหาญ การว่ายน้ำนั้นถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมโปรดของชาวเกาหลีเมื่อนานมาแล้ว
ทุกๆคนรู้พื้นฐานของการว่ายน้ำ!! เขาเลื่อนบอร์ดลงน้ำแล้วก็เริ่มที่จะเคลื่อนตัวด้วยแขนและขาอย่างคึกคัก
 “คิดว่าเรากำลังทำมันที่ที่อังกฤษก็ตื่นเต้นแล้ว!!

สายลมที่รุนแรงและสายฝนเบาๆก่อเกิดคลื่นปะทะไปกับตัวของเขา
คลื่นสูงประมาณเมตรกว่าๆปะทะเข้ากับลำตัวและบอร์ดตลอดเวลา ทำให้เขาจมลงไปในทะเลแสนเค็มนี้
จริงๆแล้วมันยากที่จะเคลื่อนที่ในน้ำภายใต้แรงดันจากคลื่นในมหาสมุทร

เมื่อเขาคว้าบอร์ดได้ คลื่นลูกอื่นก็กระแทกเข้ามาทันที
เป็นแบบนี้ซ้ำๆกันกว่า 12 ครั้ง ที่คลื่นสูงเมตรกว่าๆนี้ทำกับเขาอย่างเลือดเย็น
 “บ้าเอ้ย
ลีฮุนอารมณ์เสีย
 “เหมือนกับตอนที่ไปอาบน้ำที่อ่างเก็บน้ำแถวบ้านในคืนที่มีพายุเลย
เหมือนกับเด็กที่ไม่มีเกมอะไรให้เล่นมากมายนัก ซึ่งจะต้องเล่นโดยที่ไม่มีการเสียเงินอะไรทั้งสิ้น
เหมือนกับเด็ก ที่ใช้เวลาไปกับการไล่จับกบและปลาดุกจากโคลน และเมื่อโตขึ้นเขาก็หาวิธีที่จะได้อะไรที่ดีกว่านี้มากิน
ในอ่างเก็บน้ำแถวๆบ้านนั่นเอง!
มันเป็นสถานที่ชื่อดังที่เด็ก 3-5 คน จมน้ำตายทุกปีในวันที่ฝนตก
วันนั้นลีฮุนไปและพยายามที่จะจับปลาด้วยมือเปล่าในอ่างเก็บน้ำ ซึ่งไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้ที่ทะเลของอังกฤษเลย
 “ที่เกาหลีมีมากกว่า100,000 คนที่ว่ายน้ำไปทั่วประเทศ
น้ำที่ประเทศอังกฤษนั้นไม่เท่าไหร่เลย
เขาออกมาลองดูอีกสักตั้ง!
ลีฮุนพยายามลองแล้วลองอีก
คลื่นก็ก่อตัวใหญ่ขึ้นๆแต่ก็ไม่สามารถที่จะพัดเขากลับไปยังฝั่งได้
 “คลื่นมันจะเท่าไหร่กันเชียว..ฉันคือจองบอมอานะ!
แววตาของจองบอมอาลุกโชนขึ้นอย่างแรงกล้า เรื่องแค่นี้ฉุดเขาไว้ไม่ได้หรอก
ในตอนแรกเขาคิดว่าจะสนุกไปกับคลื่นพวกนี้ แต่ตอนนี้มันกลับน่าท้าทายมาก กล้ามเนื้อบนร่างกายท่อนบนของเขาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำและไหลลื่นไปด้วยเหงื่อ
เขาใช้แรงที่มีจับเซิรฟบอร์ดไว้แล้วกระโดดขึ้นไป เขาพยายามทำแบบนี้แล้วก็ตกลงไปในคลื่น ในความผิดพลาดของเขา ลีฮุนพยายามจดจำคอนเซ็ปของมัน
 ‘มันควรจะต้องมีความสมดุลถึงแม้จะดูทุลักทุเลพอสมควร
คลื่นลูกใหญ่เข้าปะทะที่บอร์ดอีกครั้งและทำให้มันไม่สมดุลอีกแม้มันใกล้จะสำเร็จแล้ว

คุณต้องพยายามต้านกระแสคลื่นและทรงตัวให้ได้
 ‘ถ้าลองผลักคลื่นดูล่ะ...มันอาจจะทำให้ขี่ง่ายกว่าก็ได้นี่
ดังนั้นเขาจึงลอยไปหากระเเสคลื่น
 ‘เราทำได้ ทำเหมือนตอนที่ขี่ไวเวิร์น...
สัญชาติญาณการเอาตัวรอดของลีฮุนบอกแบบนั้น

เปรียบเทียบกับความเร็วของไวเวิร์นในหุบเขาแล้ว คลื่นพวกนี้มันธรรมดามาก
เขาต้องปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติเพื่อที่จะทำให้สำเร็จ เขาเริ่มนึกถึงตอนที่เขาอยู่บนหลังของไวเวิร์น
การต่อสู้บนหลังของไวเวิร์น ลีฮุนเริ่มที่จะปีนขึ้นไปบนยอดคลื่นด้วนเซิร์ฟบอร์ดและพยายามที่จะทรงตัว
ในที่สุดเขาก็ยืนอยู่บนยอดคลื่นที่ก่อตัวเหมือนกำแพงด้วยบอร์ดของเขา
 “เคี้ยก! ฮา!ฮา!ฮา!ฮา!ฮา!ฮา!ฮา!
ลีฮุนหัวเราะอย่างดัง
ในที่สุดเขาก็ทำได้
 “ฉันคือผู้พิชิตพายุนี้
ลีอุนตะโกนเสียงดังซ้ำไปซ้ำมา เขาทำสำเร็จจนได้ จองบอมอาผู้มีพรสรรวค์ทางด้านกีฬาและการฝึกฝนที่ดีเขาจึงโต้คลื่นได้เช่นกัน

พวกเขาโต้คลื่นท่ามกลางพายุในอังกฤษ! สาวชาวอังกฤษที่อยู่บนชายหาดนั้นได้บันทึกภาพเหล่านั้นไว้ในกล้องวิดีโอและสายตาของพวกหล่อนเอง
ก่อนที่ลีฮุนจะโต้คลื่นได้สำเร็จเขาได้ขอให้หล่อนเก็บภาพไว้ให้ หลังจากนั้นตอนค่ำ พวกเขามีปาร์ตี้เบียร์กันที่ร้านริมชายหาด
 “ฮ๊อตดอกของทางยุโรปรสชาติดีจริงๆ
 “ไส้กรอกก็อร่อยดีเหมือนกัน
ลีฮุนและจองบอมอา เริ่มที่จะดื่มเบียร์อย่าสบายใจและกลับไปเข้านอน
 “ได้เวลาไปที่อื่นของยุโรป คราวนี้ไปเล่นสกีกัน
ทั้งสองเดินทางไปที่เทือกเขาแอลป์เพื่อเล่นสกี
ที่นี่มีสกีรีสอร์ทที่เปิดให้เล่นแต่ไม่มีใครกล้ามาเพราะมันเป็นสถานที่ ที่โหดหินมาก!
เพราะว่าคนที่ไปมักจะหาทางกลับที่พักไม่เจอ
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปยังจัตุรัสแดง
 “ที่นี่คือจัตุรัสแดงสินะ
 “คนส่วนใหญ่ก็เคยมาที่นี่
พวกเขาชื่นชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์อยู่พักนึง แล้วพวกเขาก็ขึ้นรถไฟไปมอสโควและเดินทางไปต่อที่เมืองจีน
หลังจากที่ไปเมืองจีนพวกเขาก็วางแผนที่จะบินกลับไปยังเกาหลี
 “ผมซื้อไข่มา...คิมบับอยู่ไหนน้า?”
ไข่ต้มนั้นเป็นอาหารที่จำเป็นสำหรับการเดินทางบนรถไฟ เเล้วพวกเขาก็เตรียมที่จะนอน
พวกเขามองไปยังเขตทุนดร้าและบริเวณรอบๆ ลีฮุนมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมากสักคำ
เขาพบกับคนหลากหลายจากแอฟริกาไปจนถึงใจกลางทวีปเอเชีย แสงแดดที่ร้อนเเรง ทะเลทราย สายลมและสายน้ำทางตะวันออก
วัฒนธรรมทางฝั่งยุโรปและสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์นั้นยิ่งใหญ่มาก ทั้งรูปปั้น ภาพเขียน สิ่งเหล่านั้น ให้ความรู้สึกราวกับว่ามันมีชีวิต
เพียงคิดว่าเขาเป็นเพียงคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆแล้วการที่ได้ออกมาดูโลกกว้างนั้นทำให้ลีฮุนรู้สึกช็อกพอสมควร
 “ดินแดนที่กว้างใหญ่
เกาหลีนั้นเทียบไม่ได้เลยกับรัสเซีย ราคาที่อยู่อาศัยใกล้เมืองนั้นพุ่งทะยานไปตามเศรษฐกิจที่กำลังบูม
 ‘พอมาคิดดูแล้ว มันมีสถานที่แบบนี้อยู่บนโลกด้วยรึเนี่ย…!’
ผู้แปล Maruipengin

Editor:แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เล่ม 18 ตอนที่ 2 การผจญภัยของชายหนุ่ม แปลโดย Dinako

เล่ม 18 ตอนที่ 2 การผจญภัยของชายหนุ่ม แปลโดย Dinako


อันฮุนโดกล่าว

"ใครอยากจะไปกับศิษย์น้องบ้าง?"

อันฮุนโด กำลังพยายามจะหาใครสักคนเดินทางไปด้วย

เมื่อเขายังเป็นหนุ่ม เขาได้เดินทางระหกระเหินไปในหลายๆประเทศ เค้าใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในการเดินทางท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศ

บรรยากาศในการพบปะสังสรรค์ค่อนข้างดีเพราะว่าเค้ากำลังจะไปพบปะกับสาวในรอยัลโรด

เหล่าผู้ฝึกสอนต่างก็รู้ แต่พวกเขาก็เงียบไม่พูดอะไร

ในหลักสูตรการเรียนวิชาดาบ พวกเขาได้เดินทางไปยังที่ต่างๆเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับโลก

มันดูจะเสียเปรียบที่จะพูดเป็นคนแรก ทุกคนจึงพากันอยู่ในความเงียบ

พวกเขาต่างยังคงอยู่ในท่านั่งอกผายไหล่ผึ่ง

พวกเขาได้แต่เหลือบมองกันและกัน ราวกับพวกเขากำลังจะขอร้องกันอยู่

อันฮุนโดมองเข้าไปในตาของเหล่าปรมาจารย์ผู้ฝึกสอน

ชองอิลฮุนดูภายนอกเหมือนจะเป็นคนขึงขัง แต่ที่จริงแล้วเค้าเป็นคนใจกว้างและเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา

เค้าเป็นคนที่มีความสามารถมาก และน่าจะเป็นศิษย์เอกที่น่าจะได้เป็นเจ้าสำนักในอนาคต

'ถ้าเขาจากไปแล้วหละก็ คงจะเป็นงานหนักสำหรับที่นี่แน่ๆ'

อันฮุนโดคิดว่ามันคงจะเป็นการดี ที่ได้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้สั่งสอน เขาไม่อยากจะให้พวกเค้าออกไป แล้วเสียเวลาอันล้ำค่าไปกับการทำงานในสำนัก

เค้าอยากจะไปเจอหญิงสาวที่เขาได้เจอในรอยัลโรดเมื่อเร็วๆนี้ และไปเที่ยวทะเลอีกสักครั้ง

'มันก็ไม่ควรจะเป็นเขาอีกนั่นแหละ'

เค้าได้สั่งการให้กับปรมาจารย์ผู้ฝึกสอนลำดับที่สี่ไป

รอยลี เป็นปรมาจารย์ผู้ฝึกสอนที่อายุน้อยที่สุด และมีความโดดเด่นในการบรรลุหนทางแห่งดาบหลายแขนง เหมือนที่คาดหวังในโลกเสมือนจริงในรอยัลโรด

มันมีสิ่งหนึ่งที่เขาคาดว่าจะใช้ประเมินการพัฒนาของเขา

ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ ความรู้สึกถึงความอ่อนแอในตัวเขา หรือการเรียนรู้ในวิถีแห่งดาบ

พวกเขามีชีวิตชีวาด้วยดาบ และโลกในรอยัลโรดช่างน่าเกรงขาม

โลกแห่งเวทมนตร์

ช่วงเวลาเส้นทางแห่งความเมตตากรุณาอาจนำไปสู่การถูกโจมตีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ตั้งตัวจากฝูงของ Monster ในยามค่ำคืน

พวกเขาอาจได้พบปะกับเหล่าผู้ท้าทายจำนวนมากในรอยัลโรด และฟื้นฟูร่างกายในเวลาอันสั้นหลังจากประสบความล้มเหลว มันเป็นสถานที่ฟเขาสามารถฝึกฝนปณิธานของพวกเขาผ่านการฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ

'ซังบอม มีเรื่องมากมายที่ต้องทำ'

มาซังบอมได้ใช้เวลาส่วนมากในการฝึกเหล่าผู้ฝึกฝน ดังนั้นถ้าให้เค้าไปอาจจะทำให้สำนักเกิดความขัดข้องได้

"จองบอมอา"
"ครับ อาจารย์!"
"ครั้งนี้เจ้าจะต้องพาศิษย์น้องไปด้วย"
"โอเค"
นั่นคือข้อสรุปของสำนัก
หน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายให้แก่หนึ่งในนักดาบ

***

"ได้รับตั๋วเครื่องบินมาแล้ว ที่เหลือก็คงจะเหลือแต่การหาที่ทาง มันน่าจะเพียงพอแล้วสำหรับการเดินทางนี้"

"ฉันจะเริ่มเมื่อไหร่ดี?"
"พรุ่งนี้"
"ฉันจะกล่าวอย่างไรกับศิษย์น้อง?"
"ไม่มีความจำเป็นต้องบอกความจริงกับเขา ก็แค่พูดอะไรสักนิดหน่อยแล้วบอกเขาว่าจะไปเกาะเจจู"
"ได้ ฉันจะไป!"
ภาควิชาโลกเสมือนจริงโด่งดังสำหรับเหล่าผู้ท้าทาย ว่าพวกเขาจะออกไปทุกปีระหว่างการเดินทาง เค้าไม่ได้ตระหนักถึงความจริงในข้อนี้ ลีฮุนได้แต่ยุ่งอยู่กับการสอบปลายภาคในวิชาหลักของเค้า ลีฮุนแก้ปัญหาเหล่านั้นได้อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน

'นี่มันเป็นครั้งที่สามแล้ว นี่มันคือปัญหา หัวข้อของวิทยานิพนธ์ในรอยัลโรดถูกเขียนโดยศาสตราจารย์'

ศาสตราจารย์หลายท่านจากมหาวิทยาลัยเกาหลี ได้ตีพิมพ์เอกสารมากมายเกี่ยวกับบริษัทยูนิคอร์น แต่สิ่งที่เป็นปัญหาไม่ใช่ชื่อเรื่องนั้น แต่เป็นเรื่องราวที่ตีพิมพ์ ผู้คนที่สามารถจดจำสิ่งเหล่านั้นจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างง่ายดาย

เขาไม่ได้ใช้เวลามากมายในการตอบคำถาม

คำตอบของเค้าสั้นมากและอธิบายอย่างตรงไปตรงมาเท่าที่จำเป็น

ลีฮุนพูดกับตัวเอง
'เราไม่ค่อยได้ทำงานที่ได้รับมอบหมาย แต่เรามีความสนใจดี มันคงจะไม่เลวร้ายมากเท่าไหร่ เพราะเราเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าศาสดราจารย์ในช่วงออกค่าย ดังนั้นเราไม่น่าจะต้องติด F ในชั้นเรียนนี้!'

น่าพึงพอใจมากพอที่จะไม่ได้รับใบตักเตือนทางการเรียน

แผนการคือต่อให้เกรดแย่แค่ไหน ขอเพียงแค่ไม่ติด 'F' เค้าจะไม่ลงเรียนซ้ำอย่างเด็ดขาด

'ชั้นเพียงแค่ต้องเรียนให้จบ'

จุดมุ่งหมายนี้ทำให้เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างเหน็ดเหนื่อย!

ลีฮุนแก้ปัญหาของแบบทดสอบพอดีกับเวลาที่กำหนด

นี่มันเป็นการสอบหลักครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นก็จะเป็นการทัศนศึกษา

สำหรับนักศึกษา การทัศนศึกษาภาคฤดูร้อนจะกินเวลามากกว่าสองเดือน

'ในช่วงเวลานั้น เราต้องทำสิ่งสิ่งเดียวเท่านั้น!'

เขาจะเล่นรอยัลโรดอย่างจริงจังเพื่อเพิ่มเลเวล

ลีฮุนเก็บอุปกรณ์เครื่องเขียนใส่ในกระเป๋าราคาถูกของเขา

หลังจากนั้นประตูห้องเรียนก็เปิดออก และศาสตราจารย์ จูจองฮุน เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ช่วยของเขา

ผู้ช่วยได้ขนอุปกรณ์มามากมาย ซึ่งส่วนใหญ่คือ กล้องดิจิตอลวิดีโอ , มันเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับถ่ายฉากเพื่อบันทึกภาพยนตร์!

ด้วยการพัฒนาเครื่องมือดิจิตอลนี้ เมมโมรี่สามารถบันทึกหนังสั้นขนาดความยาว 10 วัน

ศาสตราจารย์ จูจองฮุน เดินเข้าไปที่แท่นอัฒจันทร์พร้อมกับกล่าวว่า

"มันถึงเวลาสำหรับ การบ้านทัศนศึกษาภาคฤดูร้อนแล้ว"

เหล่านักศึกษาทำมาดอวดภูมิ เนื่องจากพวกเขาแต่ละคนต่างก็ตั้งตารอการทัศนศึกษาภาคฤดูร้อนหลังจากจบการสอบใหญ่

"โอ่, มีเรื่องอะไรเหรอ...."
"อีกการทดสอบหรอ? รึจะมีการทดสอบเพื่อหาสูตรทางคณิตศาสตร์อันซับซ้อน หรือจะเป็นการปลดปล่อยสิ่งของด้วยเครื่องยนต์ที่ใช้หลักการทางฟิสิกส์?"

นักศึกษาในห้องหลายคนต่างก็เปล่งสิ่งที่พวกเขาครุ่นคิดออกมา

ลีฮุนเริ่มรู้สึกกังวล

'การทดสอบที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้นแล้ว'

เค้าไม่ได้ทำงานที่ได้รับมอบหมายในชั้นเรียนสักชิ้นเลย อย่างไรก็ดี งานนี้ดูจะต่างจากงานอื่นๆ

ศาสตราจารย์จูจองฮุน เริ่มอธิบายถึงวิธีการใช้กล่องดิจิตอลวิดีโอ
"พวกคุณต่างก็รู้กันดีว่าในการที่จะสร้างภาพเสมือนจริงที่ดูดีนั้น คุณจะต้องรู้ว่ามันเป็นยังไงตอนที่อยู่ในชีวิตจริง ใช่มั้ย? การทดสอบในปีนี้คือ ให้ใช้เครื่องบันทึกภาพหรือบันทึกชีวิตของคุณในช่วงวันหยุด คุณอาจจะไปว่ายน้ำ ไปทำงานพิเศษ ท่องเที่ยว ทำอะไรก็ได้ ขอแค่ให้มั่นใจว่า พวกคุณได้บันทึกโดยใช้กล้องดิจิตอลวิดีโอนี้ระหว่างการเดินทางของพวกคุณ"

"..."

ห้องเรียนเงียบสนิท

ลีฮุนถูกมองหลังจากช่วงระยะเวลาหนึ่ง

'คุณไม่สนใจเลยหรอ?'

นักศึกษาเริ่มที่จะสงสัยว่าใครกันนะที่ถูกศาสตราจารย์ จูจองฮุน เพ่งเล็ง 

"เพื่อที่จะให้คุณรู้จักกันดีมากขึ้น ทางภาควิชาได้ตัดสินใจว่าต้องการบททดสอบทัศนศึกษาภาคฤดูร้อนในครั้งนี้ การลงทะเบียนเรียนในวิชาสำคัญจะถูกยกเลิก ถ้าคุณทำมันไม่สำเร็จ"

เพื่อที่จะเรียนจบได้อย่างราบรื่น ต้องทำบททดสอบนี้ให้สำเร็จ!

มันเป็นบททดสอบที่ยากมากๆ

นอกจากการที่จะไปที่สำนักเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ลีฮุนก็ไม่ได้คิดจะทำอย่างอื่นเลยนอกเสียจากการจะเข้าไปเล่นรอยัลโรด

เหล่านักศึกษารอบตัวเขาเริ่มที่จะพูดคุยกันถึงเรื่องนี้

"ครอบครัวของฉันตั้งใจจะไปภูเก็ต... งั้น ฉันจะไปถ่ายทำที่นั่น"

"พวกเราวางแผนจะไปพักผ่อนที่รีสอร์ททะเลใต้"

"ฉันวางแผนจะไปเรียนการเป็นนายแบบ งั้นฉันจะไปถ่ายทำตรงนั้นแล้วกัน"

นักศึกษาแต่ละคนต่างก็ได้วางแผนว่าพวกเค้าจะใช้ช่วงเวลาอย่างไรในการทำบททดสอบภาคฤดูร้อน ในฐานะที่เป็นนักเรียนปีหนึ่งที่อายุ 20 เค้าไม่คิดที่จะไปท่องเที่ยวภาคฤดูร้อนครั้งแรกแบบจนๆ
สุดท้ายมันก็ถึงช่วงเวลาท่องเที่ยวที่รอคอยอันแสนยาวนาน!

***

วีด รู้สึกเหมือนลูกไก่ที่กำลังจะถูกนำไปทอด
"การพักผ่อนที่ฉันรอคอยสุดท้ายก็มาถึง"
เค้าไม่ได้ต้องการการท่องเที่ยวที่เลิศหรู
เค้าอยากจะใช้เวลาในทวีปเวอร์เซลล์ เพื่อเพิ่มเลเวลและทักษะความสามารถต่างๆขณะออกสำรวจ
"เรากำลังที่จะได้ซ่อมแซมส่วนที่เหลือของตราประทับ..."

เพื่อที่จะซ่อมแซมตราประทับแห่งราชวงศ์อารูเพ่น
เค้าจะต้องเพิ่มทักษะความสามารถของเขา เค้าต้องสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซ แล้วลองทำลายมัน เพื่อที่เขาจะได้ซ่อมมัน

มันเป็นทักษะที่เรียนรู้ได้ยากมาก เนื่องจากมันต้องอาศัยความทรงจำที่แม่นยำและฝีมือ!

วีด ต้องอุทิศเวลาของเขาในการสร้างผลงานชั้นดีหลายชิ้น

"เราต้องค่อยๆทำลายมันทีละน้อย แล้วค่อยๆซ่อมมันทีละเล็กทีละน้อย"

ทักษะฟื้นฟูประติมากรรมถูกจัดว่าเป็นทักษะย่อย แม้ว่ามันจะยุ่งยาก เลเวลของทักษะนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว วีดตั้งใจจะเพิ่มเลเวลให้ถึงระดับกลาง

"ถึงตอนนั้น ชั้นจะสามารถซ่อมแซมตราประทับอารูเพ่น แต่..."

วีดรู้สึกใจหวิวๆ และไม่สามารถที่จะจดจ่ออยู่กับงานของเขาเพื่อที่จะซ่อมแซมประติมากรรม เพราะว่าว่ามีเควสจากวิหารเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ที่สูญหาย มันมีโอกาสเล็กน้อยที่ผู้อื่นจะเข้าไปยุ่งด้วย เขาพยายามที่จะซ่อมแซมมัน แต่ก็ไม่สำเร็จ 

"เมื่อวานนี้, ในเมือง, ตอนที่เราอยู่ในรถบัสมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังขูดล็อตเตอรี่? ต้องไม่ใช่แน่ ต้องเป็นผู้ชายในห้องน้ำที่เสื้อคลุมมีสัญลักษณ์เป็นรูปไฟ..."

หลังจากนั้นเขาก็มีไอเดียดีๆเกิดขึ้นทันที

"มาคิดดูแล้ว มันเกือบจะถึงเวลาที่การป้องกันจากวิหารเฟรยาจะสิ้นสุดแล้วใช่มั้ยนะ?"

ด้วยความที่มันดูเหมือนผ่านไปซัก 2-3 ปีแล้ว รู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปยาวนานเหลือเกิน แต่ในความเป็นจริงเวลาเพิ่งจะผ่านไปเพียงแค่สี่เดือน

"เราต้องลองดูสักหน่อย... สถานะทางการทหาร"
วีดเปิดหน้าต่างข้อมูล
กองกำลังทางทหารแห่งอาณาจักรโมราต้า

อัศวินฝึกหัด : 10
เลเวลเฉลี่ย : 219
ทหาร : 1187
เลเวลเฉลี่ย : 45
ความจงรักภักดี : 98%
ฝึกฝน : 79%

เลเวลของอัศวินอยู่ในระดับต่ำมาก การมีวินัยที่เคร่งครัดจำเป็นเพื่อที่จะทำให้อัศวินไม่หนีหาย ทหารโมราต้ามีความจงรักภักดีสูง แต่มีข้อยกเว้นสำหรับทหารบางคน เลเวลของพวกเขาอยู่ในระดับต่ำและพวกเขาจำเป็นต้องแสวงหาความช่วยเหลือจากตำรวจและเหล่ายาม

ไม่มีอาวุธสำหรับการปิดล้อม

กำแพงเมืองอยู่ในสภาวะที่ดีเยี่ยม

ระยะเวลาที่จะได้รับการป้องกันจากวิหารเฟรย่าจะสิ้นสุดลง ในอีกห้าวัน

ในเวลาอีกเพียงห้าวันการป้องกันจากวิหารเฟรย่าจะสิ้นสุด จากค่าอุทิศตนแก่สาธารณะของเขา วีดสามารถเข้าพบอัลเวรอนได้

"ข้าต้องการเข้าพบผู้สืบทอดตำแหน่งสันตะปาปา"

ถึงเวลาที่จะต้องกล่าวด้วยความเคารพ เค้ามีความใกล้ชิดสนิทสนมกับอัลเวรอนจากเควสที่เขาทำสำเร็จ สำหรับเขาแล้ว อัลเวรอนเหมือนกับเพื่อนคนหนึ่ง แต่เป็นเพราะว่าค่าอุทิศตนแก่สาธารณะทำให้เขาสามารถพบกับอัลเวรอนได้

"มาคิดว่าท่านวีดตามหานักบวชเช่นตัวข้า ท่านมีอะไรต้องการให้ข้าช่วยอย่างนั้นเหรอ?"
"นี่คือโมราต้าใช่ไหม? สถานที่ที่อัลเวรอนและข้าได้ช่วยเหลือเหล่าผู้คนจากการพิชิตแวมไพร์ใช่มั้ย?"
มันเป็นเรื่องที่ดี ภายใต้ข้ออ้างในความเจ็บปวดจากเควสท์ที่เขาได้ทำร่วมกัน ค่าความสนิทสนมของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น

"เทพีแห่งเฟรย่าได้ทิ้งรอยประทับที่มองไม่เห็นไว้ในอาณาจักรโมราต้า ดวงประทีปแห่งความหวังนั้นได้นำพาแผ่นดินมาซึ่งความมั่งคั่งและความสงบสุข ใช่ไหม? สำหรับโมราต้า เทพีแห่งเฟรย่าถือเป็นเทพแห่งความหวัง"

"ท่านวีด ข้ารู้สึกดีใจที่ท่านคิดเช่นนั้น"
"มันค่อนข้างลำบากสักหน่อยที่ข้าจะพูดให้ชัดเจน ถ้างั้นข้าจะพูดตรงๆเลยละกัน ช่วยเพิ่มระยะเวลาในการปกป้องโมราต้าของวิหารเฟรย่า"

วีดอยากจะพูดมากกว่านี้อีกสักหน่อย แต่อัลเวรอนพูดขึ้นมาก่อนที่เค้าจะได้พูด

"อย่างไรก็ตามนี่มันไม่ใช่ทางตอนใต้ใช่ไหม? และกระทั่งว่าที่พระสันตะปาปาอย่างอัลเวรอน ระยะทางจากโมราต้านั้นช่างมาก..."
มันสุดความสามารถที่เค้าจะลองพยายามอีกรอบ
"เราได้ต่อสู้และหลั่งเลือดด้วยกันใช่ไหม?"
ความเกี่ยวดองญาติมิตร
"วิหารเฟรย่าได้สั่งสอนหลายอย่างเกี่ยวกับชีวิต"
การสอน
สาธารณรัฐเกาหลีมีสายใยที่แยกกันได้ยากของสิ่งเหล่านั้น ดังนั้นวีดใช้กานสอนเป็นข้อแก้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้วยความที่อัลเวลอนนั้นซื่อสัตย์มากจะไม่ยอมรับสินบนแน่นอน
"ข้าขอโทษ, เทพธิดาเฟรย่าต้องการมากกว่าที่จะแค่ช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามมีผู้คนที่ทุกข์ยากอีกหลายแห่งที่อยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมากกว่านี้ ดังนั้นเราเหล่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์และเราเหล่านักบวชจะต้องออกในวันเวลาที่กำหนด"

พวกเขากินอยู่กันฉันเพื่อน แต่มันเหมือนกับเค้าขอซื้อข้าวจากอีกฝ่ายโดยไม่จ่ายเงินเลยสักบาทและเขาถูกปฏิเสธ เป็นเหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

"เพื่อที่จะได้รับการปกป้องโมราต้าโดยเฟรย่า ให้นานขึ้นนั้น มันขึ้นอยู่กับความสำเร็จที่คุณได้ทำให้กับทางวิหาร"

ตามเลเวลของค่าอุทิศตนแก่สาธารณะ เขาสามารถได้รับเครื่องมือและสมบัติหายาก วีดรู้สึกว่ามันสิ้นเปลือง แต่มันเป็นที่พึ่งเดียวสุดท้ายของเขา โมราต้ามีการพัฒนาที่เจริญก้าวหน้าแต่มีกำลังทหารที่อ่อนแอมาก มันไม่มีกองกำลังทหารและอัศวินที่เพียงพอจะไปรบในสงครามจริง อัลเวรอน ทำสัญลักษณ์ของกางเขนและน้อมตัวคำนับ

"มันคงจะไม่มีปัญหามากสำหรับท่านวีด เนื่องจากท่านอุทิศตัวอย่างมากต่อวิหารเฟรย่า แต่มันคงจะเป็นเรื่องยากแม้ว่าจะให้ข้าเข้าไปถามก็เถอะ. ท่านคิดว่าท่านต้องการการปกป้องจากวิหารเฟรย่านานขึ้นอีกเท่าใด?"

ตึ๊ง!

ค่าอุทิศตนแก่สาธารณะต่อวิหารเฟรย่า : 13,290
สำหรับการอารักขาจากวิหารเฟรย่า, ต้องใช้ค่าสาธารณะ 110 ต่อวัน

เขาจำเป็นต้องใช้ค่าสาธารณะจำนวนมหาศาลเพื่อให้ทางวิหารเฟรย่าส่งบาทหลวงและพาราดินจำนวนมากมายังโมราต้า

วีดน้ำตาคลอเบ้า เค้าวางแผนที่จะใช้ค่าทางสาธารณะเพื่อไปซื้ออาวุธและเกราะป้องกันระดับสูงจากทางวิหาร

"อัลเวรอน ข้าต้องการให้ทางวิหารเฟรยาอยู่นานที่สุดเท่าที่จะทำได้... เพื่อปกป้องข้า"

เค้าจำเป็นต้องซื้อมัน!

"ท่านต้องการให้ทางวิหารเฟรย่าปกป้องอาณาจักรโมราต้าโดยใช้ค่าทางสาธารณะรึ?"

"อื่อ ใช่"

"นักบวชจากทางวิหารจะอยู่เพิ่มอีก 120 วันแต่ด้วยความที่ท่านวีดได้มาขอกับข้าโดยตรง ข้าจะขอพวกเขาเพิ่มให้อีก 30 วัน"

อัลเวรอน ให้โบนัสแก่เขาด้วยความสุภาพอ่อนโยนอีก 30 วัน!

วีดกอดเขาทีหนึ่ง

"น้องชาย!"

วิหารเฟรยาทำให้กองกำลังอื่นๆต้องถอยร่นออกไป

แต่เวลาใกล้จะมาถึงแล้ว

***

เช้าวันต่อมาลีฮุนเริ่มที่จะเตรียมข้าวของและวางกล้องวิดีโอ ในกระเป๋าของเขา

"เกาะเจจู.... เกาะในฝัน รีสอร์ทที่ดีที่สุด! ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าฉันกำลังจะได้ไปเกาะเจจู"

อันฮุนโดได้โทรหาเขา พวกเขาได้เปิดสำนักแห่งใหม่บนเกาะเจจู และท่านเจ้าสำนักต้องการให้เขาไปดูมัน นี่เป็นเรื่องที่ดีสำหรับลีฮุน

"เรากำลังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เราควรจะบันทึกระหว่างการเดินทาง แต่พอคิดว่ามันเป็นเกาะเจจู"

เกาะเจจู แม้เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับคนอื่น มันไม่ดูด้อยกว่าเลยสักนิด

มันมีสภาพแวดล้อมที่ดูเป็นธรรมชาติ มีภูเขาฮัลลาสีฟ้าใส มีเหล่าฝูงม้า และทะเลที่เขาสามารถที่จะบันทึกได้

"นี่มันเป็นความสำเร็จ ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถไปที่เกาะเจจูได้ เราเอาพาสปอร์ตไปด้วยดีกว่า"

ลีฮุนวางพาสปอร์ตลงในกระเป๋าของเขา

อันฮุนโดกล่าวว่าเขาจำเป็นต้องใช้พาสปอร์ตเพื่อที่จะขึ้นเครื่องบินที่สนามบิน เขาได้รับจดหมายรับรองและรูปภาพต่างๆเพื่อที่เค้าจะสามารถไปสำนักในต่างประเทศได้ โดยปกติแล้วคนมักจะรู้สึกกังวลเมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้แต่เขาไม่มีความจำเป็นต้องกังวลในเรื่องเหล่านี้เลยสักเล็กน้อย

ตั๋วเครื่องบิน สัมภาระ และอาหารทุกอย่างต่างก็ฟรี

"พี่คะ ดูแลตัวเองด้วย"

"ได้ พี่จะไม่ลืมที่จะหาของฝาก"

น้องสาวของเขาเดินทางมาพบลีฮุนที่กำลังจะออกเดินทางที่สนามบินอินชอน

พนักงานภาคพื้นดินต่างก็ยุ่งอยู่กับการบอกชาวต่างชาติว่าสัมภาระของพวกเขาอยู่ตรงไหน

"มันเป็นแบบนี้เอง..."

นี่มันเป็นโลกใบใหม่สำหรับลีฮุน

เขามาก่อนเวลาที่เขานัดพบกับจองบอมอา 30 นาที

"อ่อ นายอยู่นี่นี่เอง"

"ใช่แล้วครับศิษย์พี่ ผมมาก่อนเวลา"

"นายมีพาสปอร์ตไหม"

"พาสปอร์ต?"

ลีฮุนรู้สึกงุนงง

เขาไม่เข้าใจ เนื่องจากมันจำเป็นก็ต่อเมื่อคนๆนั้นต้องการเดินทางออกจากเกาหลี

"คุณต้องใช้พาสปอร์ตในการเดินทางไปเกาะเจจูเหรอ?"

จองบอมอารีบตอบคำถามของเขา

"ก็พวกเราต้องขึ้นเครื่องบิน"

ลีฮุนมีความรู้คร่าวๆว่ามันเป็นยังไงในการขึ้นเครื่องบิน

ผู้คนต่างจะรู้ได้ว่ามันเป็นอย่างไรถ้าเขาได้ดูหนังหรือภาพยนตร์

"ผมเข้าใจละ มันต่างจากการเดินทางสาธารณะอย่างรถบัส และที่ผมไม่สามารถขึ้นไปได้"

"นี่มันเครื่องบินนะ"

ลีฮุนและจองบอมอา ไม่ได้มีสัมภาระอะไรมากมายมีเพียงแค่กระเป๋าใบเล็กๆ ลีฮุน ตรวจสอบตั๋วของเค้าซึ่งทั้งของเขาทั้งคู่กล่าวว่า ไคโร, อียิปต์

"ศิษย์พี่!"
"อะไรรึ"
"เครื่องบินจะเดินทางไปไคโร?"
ลีฮุนเคยได้ยินคราวๆเกี่ยวกับเมืองอียิปต์อยู่บ้าง
"เครื่องบินนี้ไม่ได้กำลังจะไปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหรอ?"
"..."
หน้าตาของผู้โดยสารอื่นๆต่างก็ดูไม่น่าใช่คนในบ้านเมืองนี้
'เค้าไม่รู้ได้ยังไง?'
'หรือเค้าไม่รู้แม้กระทั่งอียิปต์อยู่ตรงไหน?'
"เท่าที่นายรู้คือพวกเรากำลังจะไปเกาะเจจู"
"แน่นอนอยู่แล้ว"
"เครื่องบินที่บินตรงไปยังเกาะเจจูราคาแพง"
"งั้นคุณกำลังจะบอกผมว่า... มันเหมือนกับการขึ้นรถบัสแล้วจอดระหว่างทาง"
เรื่องนี้ฟังดูแล้วบ้าบอคอแตกมากสำหรับผู้คนที่อยู่หน้าบอร์ดดิ้งเกต ที่จะบอกว่าเกาะเจจูเป็นจุดหยุดระหว่างทางที่จะไปอียิปต์!

อย่างไรก็ตาม จองบอมอาดูหน้าตาอันธพาลและมีสายตาที่น่ากลัวจึงไม่มีใครกล้าหาญพอที่จะบอกความจริงกับเขา ลีฮุนจึงเดินเข้าไปในเครื่อง พร้อมออกบิน

หลังจากที่เครื่องขึ้น พนักงานบนเครื่องบินเริ่มที่จะเดินไปรอบๆเพื่อบริการเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม

พวกเขาเดินผ่านบริเวณที่ลีฮุนและจองบอมอาไปเฉยๆ ทันทีที่พวกเขาขึ้นเครื่องเสร็จพวกเขาก็หลับสนิทในทันที เขาทั้งสองเดินทางผ่านทะเล ของเอเชียกลางที่ซึ่งเครื่องบินมุ่งหน้าไปยังไคโร

***

สนามบินไคโร

ฤดูร้อนนั้นมีอากาศที่ร้อนในเกาหลี แต่เทียบไม่ได้เลยกับอียิปต์
อากาศที่ร้อนและแสงแดดที่แรงทำให้เหงื่อออกบนใบหน้าของพวกเขา
ไม่มีร่องรอยเลยว่านี่เป็นสนามบินของเกาหลี เนื่องจากมีแต่ชาวอียิปต์สวมใส่ผ้าโพกศรีษะ เขาไม่ได้โง่ขนาดที่จะเชื่อว่านี่มันคือเกาะเจจู

"ศิษย์พี่! ผมคิดว่านี่มันผิดที่นะ"
มีความสงสัยมากมายอยู่ในสายตาของลีฮุน
เค้านอนหลับตอนอยู่บนเครื่อง และคิดว่าเค้ากำลังจะไปเกาะเจจู
หลังจากเดินตามไปกับเหล่าชาวต่างชาติ พวกเขามาถึงจุดตรวจคนเข้าเมือง
จองบอมอากล่าวว่า
"มันมีเสี้ยวหนึ่งของความจริง... มันเป็นธรรมเนียมที่สำนักจะต้องส่งสมาชิกของเขาไปพบโลกแห่งความเป็นจริง"

"..."
"พวกเราวางแผนการเดินทางนี้อย่างรอบคอบมานานแล้ว"
พอมาคิดว่าเขาต้องมาอยู่ในที่ไหนก็ไม่รู้แบบนี้ สุดท้ายทุกอย่างก็ไขกระจ่าง เขาโกรธจองบอมอาไม่ลง มันมีหนทางที่จะเรียนวิชาดาบมากกว่าเพียงแค่ความแข็งแรงของร่างกาย เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายจะต้องตื่นตัวเพื่อที่จะกวัดแกว่งดาบ

การเดินทางไปต่างประเทศเพื่อที่จะเรียนรู้อย่างถูกต้องในวิถีแห่งดาบ! แม้ว่าหลังจากละทิ้งการเดินทาง แม้ว่าจะประสบปัญหาต่างๆ ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจ

มากไปกว่านั้น นี่เป็นการเดินทางไปต่างประเทศ เค้าไม่เคยมีโอกาสที่จะเห็นโลกภายนอกประเทศเกาหลี
ลีฮุนถามเพื่อยืนยัน
"ทั้งหมดนี้... ฟรีใช่ไหม?"
"ใช่แล้ว ทั้งหมดนี้ฟรี"
"ฟิ้ววว"
ลีฮุนแสดงท่าทีโล่งอก
แม้ว่ามันจะดูน่ารำคาญใจและยุ่งยาก แต่เพราะมันฟรี เขาเลยไม่รู้สึกโกรธ
"ทุกอย่างฟรีหมด ฉะนั้นโล่งใจและก็สนุกไปกับมันเถอะ.  คูฮฮาฮาฮาฮา! มันเป็นการผจญภัยและมีคนอื่นจ่ายตังค์ให้ ถูกใจจริงๆ"
"พวกเราจะไปที่ไหนกันดี?"
"ตอนนี้ พวกเราจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์"
เฮลิคอปเตอร์รอพวกเขาอยู่ที่สนามบินไคโร
พวกเขาบินผ่านอากาศที่แห้งและทรายของทะเลทรายซาฮาร่าในอียิปต์ เพื่อที่จะไปดูสิ่งก่อสร้างอันงดงามที่สร้างจากอิฐและหิน

***

แอฟริกาเหนือ

รถจี๊บขับเคลื่อนสี่ล้อสองคันพร้อมสำหรับลีฮุน และจองบอมอา
รถจิ๊ปมีหลังคาเปิดประทุน และมีผ้าปิดที่ทำจากหนังซึ่งสามารถเปิดและปิดได้อย่างง่ายดาย
"ศิษย์น้อง"
"ครับ ศิษย์พี่"
"นายรู้วิธีขับรถไหม?"
"ผมไม่เคยขับรถมาก่อน แต่ผมเคยขี่มอเตอร์ไซค์บ้าง..."
เค้าไม่มีใบอนุญาตขับขี่ เค้าเคยขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อส่งอาหารแก่ร้านอาหารจีนอยู่ครั้งหนึ่ง
"คุณมีซักอันไหม?"
"มันไม่จำเป็นเพราะว่าที่นี่ไม่มีตำรวจจราจร ขอแค่อย่าไปชนอะไรเท่านั้นหละ"
จองบอมอาโยนกุญแจรถให้กับเขา
"ป่ะ สตาร์ทมัน"
ลีฮุนนั่งที่ที่นั่งคนขับ เขาเสียบกุญแจเข้าไปยังช่องสตาร์ท
คูวววววฮฮาฮาฮาฮาฮ่าาาา!
เครื่องยนต์ถูกสตาร์ท เครื่องยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อสำหรับเดินทางผ่านทะเลทราย!
รถจี๊ปนี้ดูช่างมีพลังที่น่าเกรงขามถึงแม้จะดูไม่เข้ากับมันก็เถอะ
ข้างหลังที่นั่งคนขับเต็มไปด้วยอาหาร น้ำ น้ำมัน เต็นท์ และสิ่งของต่างๆรวมถึงหนังสือเกี่ยวกับแอฟริกา และยังมีกล่องยาสีขาววางซ้อนอยู่ด้านบน
"ดีเลย เริ่มกันเถอะ!"
จองบอมอาสตาร์ทเครื่องยนต์ของขาวและมุ่งหน้าออกไปสู่ทะเลทรายก่อน
รอรถยนต์เตะฝุ่นฟุ้งกระจาย
"ฉันจะไป!"
ลีฮุนเหยียบไปที่เบรค
รถเคลื่อนไหวอย่างไม่ถูกต้อง!
"คันเร่งมันอยู่ทางซ้ายหรือทางขวาอะ?"
ลีฮุนค่อยๆปล่อยขาของเขาแล้วเหยียบเข้าไปที่คันเร่งทางขวา รถกระโดดและเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
มันเป็นสถานที่ที่น่าอัศจรรย์สำหรับมือใหม่หัดขับ
มันไม่มีเลนและคุณสามารถจอดตรงไหนก็ได้ตามที่คุณต้องการ
พวกเขาผ่านกองทรายมากมาย แมงป่องทะเลทราย และกระทั่งโอเอซิส
สายลมผสมกับทรายเกิดระหว่างทางที่รถทั้งสองมุ่งหน้าไปเคียงข้างกัน
แท๊งงงงงงงงงง!
ดูวดูวดูวดูว
มีกลุ่มที่กำลังขี่ม้าและยิงปืน
ลีฮุนขับรถจี๊ปขนาบข้างจองบอมอา
ลีฮุนถูกถามจากเครื่องส่งรับสัญญาณ
"ศิษย์พี่ พวกเขาเป็นใคร?"
-พวกเขาอาจจะเป็นกลุ่มโจร หรือฝ่ายทหาร
"พวกเขาจะโจมตีเราหรือเปล่า?"
-ไม่เป็นไรหรอก ทางสำนักได้ติดต่อสถานที่นี้ไว้แล้ว เพราะเขาจะไม่โจมตีรถที่ถูกทำเครื่องหมาย
รถของลีฮุนมีภาพเป็นรูปธงสีแดงติดอยู่
กลุ่มขี่ม้าติดอาวุธจะไม่โจมตีตามที่จองบอมอาได้กล่าวไว้ แต่พวกเขาได้เข้ามาใกล้คล้ายกับเป็นผู้คุ้มกัน รถจิ๊บสองคันเดินทางผ่านทะเลทรายและพวกเขาเห็นนักท่องเที่ยวอยู่บนอูฐ ลีฮุนเอาเครื่องบันทึกออกมาบันทึกการเดินทางในรถ บ้านเรือนถูกสร้างจากโคลนและฟางข้าวในเมืองแรกที่เขาได้พบกับเด็กรูปร่างผอม พวกเด็กๆมีผิวดำและพวกเขากำลังเล่นลูกบอล เขารู้สึกถึงพละกำลังของพวกเขาผ่านการแสดงออกของพวกเขา! ลีฮุนและจองบอมอา ไปพบกับหมอประจำหมู่บ้านเพื่อมอบหนังสือและกล่องยา
"ดี... ลงชื่อตรงนี้"
"..."
คุณหมอกล่าวขอบคุณพวกเขาตอนที่รับของ

หญิงชราสูงอายุเดินเข้ามาและให้สร้อยคอแก่พวกเขาซึ่งทำมาจากไม้และหินสำหรับความช่วยเหลือ

ลีฮุนถาม
"นี่มันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่?"
"อาจารย์มาที่นี่กับทัวร์แอฟริกาเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว"
"กล่องยานี้หนึ่งกล่องจะสามารถช่วยเหลือคนได้ประมาณกี่คน"
"น่าจะประมาณ 600 คนละมั้ง?"
"ช่างมากมายเหลือเกิน"
"ในประเทศเกาหลี ยาทั้งหลายแทบทั้งหมดถูกบรรจุไว้ในขวด แต่ที่นี่มีเด็กๆกำลังจะตายอยู่ทุกที่"
ในเต๊นท์พยาบาลเล็กๆที่ซึ่งเราเด็กๆนอนเรียงกันอยู่
เด็กทุกคนที่เข้าแถวรับการฉีดวัคซีนเรียบร้อยกล่าวขอบคุณกับคุณหมอ
เด็กๆจากหมู่บ้านข้างๆจะเข้ามารับการฉีดวัคซีนแล้วจึงเดินทางกลับ

จากนั้นก็เป็นหมู่บ้าที่สองและหมู่บ้านที่สาม

ในหมู่บ้าน หมู่บ้านอื่นๆได้รับการพยาบาล เท่าที่พวกเขาได้แบ่งปันยา

มีกลุ่มคนคอยเฝ้าระวังผู้บุกรุก แต่ไม่ค่อยมีคนภายนอกมา เนื่องจากพวกเขาอยู่บนหน้าผาสูงชันเป็นเวลานานแล้ว

"ศิษย์พี่ ชีวิตในทะเลทรายช่างยากลำบากยิ่งนัก"

"ภูมิประเทศที่เป็นหินแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และมันดูคล้ายกับทรายในทะเลทรายของทะเลทรายซาฮาร่า มันไม่สามารถนำมาเทียบได้กับความกว้างใหญ่ของทั้งภูมิภาค"

จองบอมอารู้เกี่ยวกับโลก

ทรายของทะเลทรายซาฮาร่าแตกต่างกับที่คาดคิดไว้เนื่องจากมันเป็นทะเลที่เต็มไปด้วยทรายสุดลูกหูลูกตา แผ่นดินถูกครอบคลุมไปด้วยทรายเต็มไปหมด พวกมันจะจมลงไปไม่ลึกเนื่องจากทางรางนั้นมีก้อนกรวดและก้อนหินอยู่ มีต้นไม้ใหญ่มากมายอยู่ข้างๆและพุ่มไม้รวมถึงหินขนาดใหญ่เท่าบ้านตลอดระยะทาง การเดินทางมาเยี่ยมเยือนแอฟริกาสามารถช่วยชีวิตคนได้นับพัน!

สามวันหลังจากที่พวกเขามาถึง พวกเขาเดินทางกลับไปยังทะเลทรายและพวกเขาได้รับการคุ้มกันโดยกองกำลังทหารติดอาวุธ ตลอดทางที่รถผ่านหุบเขา เขามองไปยังเส้นขอบฟ้าและหลังจากนั้นร่างกายเขาเริ่มสั่นอย่างรุนแรง ในยามค่ำคืนอุณหภูมิลดต่ำลงอย่างรวดเร็วดังนั้นเขาต้องการเสื้อผ้าที่หนาๆ ลีฮุนใส่น้ำเผื่อต้มในขวดที่ทำด้วยไม้พร้อมเปิดหัวตะเกียงแก๊ส ภายใต้แสงจากทางช้างเผือก เค้าดื่มกาแฟกลางทะเลทราย!
"น้ำตาลซักช้อนสองช้อน"
ลีฮุนเปิดเครื่องรับวิทยุเพื่อฟัง
มีรายการพูดคุยด้วยภาษาที่ไม่รู้จักและหลังจากนั้นก็เริ่มมีเสียงดนตรี เค้าเคยได้ยินมันสองสามทั้งในเกาหลี และมันคือเพลงของ จอง เฮียว ริน 'A Dialogue of Eyes' ในภาษาอังกฤษ
ผู้แปล: Dinako

Editor: แอดชิน เพจ เราอ่านนิยายแปล

เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล

  เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล ลาเฟย์หลับตาลง ' เราจบสิ้นแล้ว '...