วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เล่มที่ 14 ตอนที่ 9: บทสนทนาของดาร์คเกมเมอร์

เล่มที่ 14 ตอนที่ 9: บทสนทนาของดาร์คเกมเมอร์


ลี ฮุน เชื่อมต่อเข้ามาห้องแชทของสมาคมดาร์เกมเมอร์ การเปิดเผยข้อมูล, การตั้งคำถาม, การค้าขาย และระดับที่สูงขึ้นไปอีก คือหัวข้อหลักของห้องแชท
ปกติแล้วในห้องแชท ผู้คนที่อยู่ในนั้นต่างเสียเวลาไปกับมัน แต่กับพวกดาร์คเกมเมอร์นั้นต่างออกไป ข้อมูลที่เกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆของแต่ละอาณาจักร, สาขาอาชีพ, ข้อมูลเควส, และข้อมูลที่จำเป็นต่างๆถูกแลกเปลี่ยนกันอยู่ตลอดเวลา
บทสนทนาเหล่านี้ไม่ได้เปิดกว้างให้กับทุกคน ห้องทุกห้องจะสามารถใช้ได้ผ่านบอร์ดในหัวข้อต่างๆที่สามารถเข้าได้เฉพาะระดับที่ได้รับการอนุญาตแล้วเท่านั้น มีเพียงแค่กลุ่มเล็กๆในสมาคมดาร์คเกมเมอร์ที่แบ่งปันหรือแชร์ข้อมูลต่างๆ ถึงจะได้รับการอนุญาตให้เข้าไปยังห้องแชทเหล่านั้นได้
มันเป็นทักษะพื้นฐานในการใช้ห้องแชทเพื่อเปิดเผยความลับต่างๆในแต่ละเกม
- ฮูนิ: เร็วเข้า เร็วเข้า เข้ามาได้แล้ว คุณฮุน
- ฮุน: พวกเราเจอกันอีกแล้ว
- ฮูนิ: ใช่ ยินดีที่ได้รู้จัก
- วิคก์มี: นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ผมได้เจอคุณ คุณฮุน
มีผู้ใช้งานอยู่ในห้องแชทประมาณ 7 คน
นอกจากคนอื่นๆที่ซุ่มหลบอยู่ในนั้น, อันที่จริงแล้วมีเพียงแค่ ฮูนิ และ วิคก์มี กำลังคุยกันอยู่
- ฮูนิ: คุณฮุน คุณมาที่นี่ตอนดึกๆตลอดเลยนะ คุณทำอะไรดึกๆดื่นๆอย่างนั้นเหรอ?
- ฮุน: ผมก็แค่ผมกำลังเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะในสายอาชีพของผมอยู่
- ฮูนิ: ทักษะอาชีพสำคัญมากๆเลยนะ ปกติแล้ว, คุณเข้าห้องแชทและไม่พูดอะไรเลย, แต่คุณเช็คราคาตลาดของไอเทมอยู่ใช่มั้ย?
- ฮุน: ใช่แล้ว
- วิคก์มี: ฉันก็ทำอย่างนั้นอยู่บ่อยๆเหมือนกัน
- ฮูนิ: ทุกคนที่เป็นดาร์คเกมเมอร์ก็ทำอยางนั้นเหมือนกัน เพราะมันไม่มีอาชีพอะไรที่จะยุ่งเหมือนของพวกเราอีกแล้ว
มันสำคัญมากสำหรับดาร์คเกมเมอร์ที่ต้องมาเช็คราคาตลาดของพวกไอเทมต่างๆ, ภารกิจ, และสถานที่ล่า เพื่อเป้าหมายของพวกเขานั่นก็คือเงิน ไม่ใช่แค่แค่พยายามอย่าง แต่ข้อมูลที่ได้มา ต้องมีความสำคัญด้วย
มีเพียงแค่ดาร์คเกมเมอร์ที่เหนือกว่าพวกผู้เล่นคนอื่นๆ สามารถสนุกสนานไปกับการพบกันของพวกเขาได้อย่างเต็มที่
- ฮูนิ: ผมเป็นดาร์คเกมเมอร์มาแล้ว 7 ปี แล้วพวกคุณทั้งสองเป็นดาร์คเกมเมอร์มานานเท่าไหร่แล้ว?
- วิคก์มี: ผมเป็นมาแล้วประมาณ 3 ปี อันที่จริงก็ 2 ปีล่ะนะ
- ฮูนิ: ถ้างั้นผมก็เป็นรุ่นพี่ของคุณน่ะสิ แต่มันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรสักเท่าไหร่ ถ้า 2 ปี แสดงว่าคุณเริ่มเป็นดาร์คเกมเมอร์ตั้งแต่ รอยัล โร้ด เปิดเลยน่ะสิ?
- วิคก์มี: ถูกต้องแล้ว ผมเริ่มเวลาเดียวกันกับที่รอยัล โร้ดเปิดให้เล่น ตั้งแต่ที่ผมเริ่มต้นเร็วกว่าคนอื่น ผมก็สามารถเก็บสะสมเงินได้บางส่วนตั้งแต่ต้นเลย
- ฮูนิ: ผมล่ะอิจฉาคุณจริงๆ แล้วคุณล่ะ คุณฮุน?
- ฮุน: ผมเป็นดาร์คเกมเมอร์ได้มาเกือบปีแล้ว
- ฮูนิ: นั่นมันน่าเหลือเชื่อมากๆ!
- วิคก์มี: จริงหรอเนี่ย? ถ้าคุณสามารถเข้าห้องแชทระดับนี้ได้ แสดงว่าคุณไม่ได้อยู่ในระดับพวกผู้เล่นธรรมดาๆน่ะสิและมันไม่ใช่แค่เลเวลอีกนะ, แต่คุณภาพของข้อมูลที่แบ่งปันและการตอบรับของคุณสำคัญมากในการที่จะประเมินระดับของคุณ
- ฮูนิ: หนึ่งปีนี่มันน่าตกใจมากๆเลยนะเนี่ย คุณพอจะบอกความลับอะไรให้ผมบ้างจะได้มั้ย?
- ฮุน: ผมก็แค่ขยันทำงานมากๆ และผมเริ่มหาเงินในฐานะดาร์คเกมเมอร์ก่อนหน้านั้นแล้ว; มันก็แค่ผมลงทะเบียนไปเมื่อปีที่แล้ว
- วิคก์มี: อย่างที่ผมคิดไว้เลย มันควรจะเป็นอย่างนั้น มันยากนะที่จะเป็นดาร์คเกมเมอร์ในรอยัล โร้ดน่ะ
- สมอลล์ดราก้อน: ยินดีที่ได้รู้จัก ผมเห็นบทสนทนาที่พวกคุณกำลังคุยกันน่าสนใจดีในขณะที่ผลกำลังซุ่มอยู่ ผมเป็นดาร์คเกมเมอร์มาแล้ว 6 ปี
ผู้ที่ใช้งานอยู่ได้ออกมาจากสถานะซุ่มและเข้าร่วมวงสนทนา ในไม่ช้าห้องแชทก็กลับมาดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
พวกเขาทักทายกันและเริ่มการสนทนาพูดคุย ข้อความเก่าๆที่ผ่านมาเด้งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่แล้วมันก็ใช้เวลาไม่นาน บทสนทนาอันร้อนแรงก็สงบลงหลังจากผ่านไปไม่ถึง 10 นาที
พวกเขาออกไปหาข้อมูลที่ตัวเองต้องการหรือพักเบรกในขณะที่เปิดห้องแชททิ้งไว้
ลี ฮุน ก็ออกไปหาข้อมูลต่างๆเหมือกันและกลับมาพบว่า ฮูนิ และ วิคก์มี กำลังสนทนากันอยู่
- ฮูนิ: คุณฮุน คุณอยู่ตรงนั้นมั้ย?
- ฮุน: ใช่
- ฮูนิ: อันที่จริงแล้ว ครั้งนี้ผมมีเควสที่ผมต้องการทำให้สำเร็จผมก็เลยอยากปรึกษาคุณสอง
- วิคก์มี: มันคือเควสอะไรล่ะ?
- ฮูนิ: อย่างแรกเลย ได้โปรดเข้าใจผมด้วยว่าผมจะไม่เปิดเผยรายละเอียดเนื้อหาของเควส
- วิคก์มี: แน่นอน
- ฮุน: ผมเข้าใจ
- ฮูนิ: ขอบคุณที่เข้าใจผมนะ พูดตามตรงเลยนะ ผมกำลังทำเควสที่มันค่อนข้างออกจะพิเศษอยู่สักเล็กน้อย
- วิคก์มี: มันเป็นเควสที่อันตรายมากมั้ย?
- ฮูนิ: นั่นก็อาจจะใช่ มันมีระดับความยากที่สูงมากๆเควสนี้ห้ามไม่ให้คุณฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีกเลย
- วิคก์มี: ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดว่าห้ามฟื้นคืนชีพ มันหมายความว่าอะไรเหรอ?
- ฮุน: ตัวละครจะตายจากไปในรอยัล โร้ด อย่างถาวร ใช่มั้ย?
- ฮูนิ: ใช่ ถูกต้องแล้ว การตายอย่างสมบูรณ์ของตัวละคร
มันเป็นอะไรที่สามารถเกิดขึ้นได้ถ้าหากคุณเรียนรู้เวทย์มนต์ต้องห้าม, หรือถ้าคุณละทิ้งวิญญาณเพื่อเหตุผลบางอย่างหรืออะไรก็แล้วแต่ มันคือมาตรฐานของพวกดาร์คเกมเมอร์ที่จะต้องปฏิเสธคำขอร้องเหล่านี้ คำสาปที่ยากแก่การรักษาหรือถอนคำสาป ยังสามารถจัดการได้หลังจากผ่านไปไม่นาน, แต่ถ้าตัวละครของคุณหายไป คุณต้องเริ่มเล่นใหม่อีกครั้งตั้งแต่ต้นเลย
หลังจากที่อาชีพของเขาได้เปลี่ยนมาเป็นประติมากรแสงจันทร์ในตำนาน เขาไม่พอใจมันตั้งแต่เริ่มแรก, แต่เหตุผลที่ทำให้เขาล้มเลิกความตั้งใจที่จะเริ่มเล่นอาชีพใหม่นั่นก็เพราะมันยากที่จะเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดนั่นเอง
- ฮุน: แล้วคุณได้เควสนั้นมายังไงเนี่ย?
- ฮูนิ: ผมอยู่กับกิลด์ที่ผมบริหารอยู่, มันเป็นเควสที่พวกเราได้มาในฐานะกิลด์
- วิคก์มี: ถ้าคุณกำลังบริหารจัดการกิลด์ แสดงว่าคุณต้องมีตัวละครที่พิเศษมากแน่ๆเลย; มันช่างน่าเสียดายจริงๆ
- ฮูนิ: ใช่ ตอนนี้ผมชักรู้สึกเสียดายซะแล้วสิ ผมสงสัยว่าถ้าผมเริ่มทำอะไรบางอย่างที่มากจนเกินกว่าที่พวกเพื่อนๆและสมาชิกในกิลด์จะสามารถทำได้, แต่รางวัลตอบแทนที่จะได้รับผ่านเควสนี้มันก็เหมาะสมเหมือนกัน
- วิคก์มี: ในฐานะดาร์คเกมเมอร์แล้ว มันคุ้มมั้ย ที่จะต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด?
- ฮูนิ: ผมคงต้องดูว่าเควสนี้จะเป็นไปยังไง, แต่ตอนนี้ผมคิดว่ามันคุ้มที่จะทำการท้าทายนี้ ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่สามารเคลียร์เควสนี้ได้ก็ตาม พวกเราก็ต้องยอมรับในผลที่ตามมาเพราะพวกเราหวังรางวัลใหญ่เอาไว้อยู่
- วิคก์มี: ถ้าเป็นผมนะ ผมจะกังวลก่อนเลย ถึงแม้ว่าการเริ่มเล่นตัวละครใหม่อีกตัวจะเป็นอะไรที่ทรหดสุดๆ
- ฮูนิ: 7 ปีที่ผ่านมาในฐานะดาร์คเกมเมอร์ของผม, ผมคิดว่านี่แหละคือโอกาสที่ยิ่งใหญ่และความท้าทายแบบสุดๆ ผมยังมีเงินของผมที่เก็บออมไว้อยู่, ถึงแม้ว่าผมจะตายผมก็ยังสามารถเริ่มเล่นใหม่ได้
ถ้าคุณลองอ่านข้อความที่เขาพิมพ์ออกมา อย่างละเอียดถี่ถ้วน คุณก็จะพบว่าดาร์คเกมเมอร์ ฮูนิ กำลังพยายามพลักดันตัวเองให้คิดบวกเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขาในตอนนี้
สำหรับดาร์คเกมเมอร์แล้ว, การสูญเสียตัวละครของพวกเขาก็เหมือนกับการตกงาน!
ไม่สามารถคาดหวังอะไรได้เลยจากเงินประกันสังคมและเงินบำเหน็จบำนาญของผู้ว่างงาน, ถ้าคุณคิดว่านั่นคือหายนะล่ะก็ คุณจะเดือดเนื้อร้อนใจเป็นเอามาก ถ้าลี ฮุนตกอยู่ในสถาณการณ์แบบเดียวกันนี้ การที่ตัวละครของเขา วีด ถูกลบทิ้งหายไปอย่างถาวร ความกระวนกระวายใจของเขาคงล้นเกินที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดก็ยังไม่หมด
 ‘เรายังหาเงินไม่พอ!’
นั่นอาจจะเป็นเพราะว่างานทุกอย่างที่เขาทำมาทั้งหมด จะสูญเปล่าไปในทันที ดังนั้นเขาจะไม่คิดที่จะรับเควสแบบนั้นเด็ดขาด
เขามีทางเลือกไม่มากนักได้แต่ต้องอดทนต่อความทุกข์ทรมานอันแมนสาหัส ในชีวิตจริง ไหนจะบิลค่ารักษาพยาบาลของคุณยายและค่าใช้จ่ายอื่นๆที่จำเป็นของครอบครัวถูกคุมคามโดยเรื่องพวกนี้ แม้ว่าฮูนิจะมีเงินที่เก็บออมไว้บางส่วน แต่นั่นก็ไม่ได้รับประกันความสบายใจของเขาซะทั้งหมด การที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น มันสามารถทำให้ชีวิตของพวกดาร์คเกมเมอร์พังพินาศได้
ถ้าคุณตายในขณะที่กำลังออกล่า เลเวลของคุณและทักษะความชำนาญจะลดลง และถ้ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเป็นประจำล่ะก็  มันจะเป็นความเสียหายที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับดาร์คเกมเมอร์
- วิคก์มี: ผมหวังว่าคุณจะไอเทมกลับมาเต็มไม้เต็มมือนะ แล้วถ้าพวกคุณได้ไอเทมพวกนั้นมาล่ะ คุณจะจัดการพวกมันยังไง
- ฮูนิ: มั่นใจได้เลย ไอเทมทั้งหมดที่พวกเราได้มาจากการทำเควส จะถูกแบ่งให้กับทุกๆคน และขายมันออกไป ไม่ว่าจะยังไง เมื่อผมจินตนาการถึงตัวละครที่ผมอุตส่าห์สร้างมันขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของผมต้องหายไปอย่างถาวรล่ะก็มันไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในทันที แต่ทุกครั้งที่ผมคิดถึงมัน ผมจะรู้สึกเจ็บปวดตรงอกอยู่เสมอ
- ฮุน: คุณต้องกังวลมากแน่ๆเลย
- ฮูนิ: มันไม่มีอะไรที่ผมทำได้ นอกจากต้องเดินหน้าต่อไปเพียงอย่างเดียว
- ฮุน: ถ้าคุณมีประสบการณ์ตรงนั้นแล้ว คุณจะเติบโต้ขึ้นมากกว่าเดิม และเควส
จู่ๆมือของลี ฮุนที่กำลังพิมพ์อยู่บนคีบอร์ด ก็หยุดไปเฉยๆซะอย่างนั้น
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การคาดการณ์ แต่ถ้าเควสพวกนั้นสำเร็จขึ้นมา เพราะโอกาสที่ดูเหมือนตลกร้ายเพื่อทำให้ตัวละครนั้นถูกลบออกไป จึงไม่มีใครเต็มใจที่เสี่ยงรับเควสแบบนี้
แต่ดาร์คเกมเมอร์ ฮูนิ ยังคงกังวลถึงเรื่องการตายที่อาจจะเกิดขึ้นได้
 ‘เหมือนว่าเขาจะได้เควสที่ยากมากจริงๆ แหะ
เขาเดาว่ามันต้องลำบากมากๆแน่เพื่อที่จะทำเควสนี้ให้สำเร็จ ยิ่งกว่าหาเข็มในกองฟางซะอีก
- ฮุน: ผมขออวยพรให้คุณประสบความสำเร็จนะ พวกมันคือคำพูดที่ผมสามารถให้คุณได้
- ฮูนิ: ขอบคุณ ผมจะทำให้ดีที่สุด ผมต้องการทำให้มั่นใจมากขึ้นไปอีก
- วิคก์มี: มันเป็นอะไรที่ทำให้หัวใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เมื่อได้พวกคุณสองคนพูดคุยกัน
- ฮูนิ: คุณวิคก์มี, คุณฮุน พวกเรามาเป็นเพื่อนกันมั้ย? ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้อายุของพวกคุณหรือที่อยู่ของพวกคุณ ผมคิดว่ามันไม่เลวเลยนะที่จะเป็นเพื่อนกันในห้องแชทดาร์คเกมเมอร์เนี่ย
- ฮุน: ผมชอบความคิดนี้นะ
- ฮูนิ: ผมขอแนะนำตัวเองก่อนเลยละกัน ผมอายุ 28 ปี
- ฮุน: ผมอายุ 23 ปี
- ฮูนิ: งั้นฮุนก็เหมือนน้องเล็กของผมน่ะสิ
- ฮุน: ใช่แล้วครับพี่ ไม่ต้องพูดสุภาพอย่างเป็นทางการแล้วก็ได้
- ฮูนิ: นายไม่ใส่ใจงั้นเหรอ? แล้ววิคก์มีล่ะ อายุเท่าไหร่
- วิคก์มี: พี่ชาย! ผมอายุ 15 ปี ผมอายุน้อยสุดเลย พี่ชายทั้งสองของผม ได้โปรดดูแลน้องชายที่แสนน่ารักผู้นี้ด้วยนะครับ
- ฮูนิ: ...
- ฮุน: ...
- ฮูนิ: เฮ้ วิคก์มี
- วิคก์มี: ครับ!
- ฮูนิ: ตอนนี้มัน 5 ทุ่มกว่าแล้ว นายควรรีบไปนอนได้แล้วนะ
- วิคก์มี: อ้า! มันถึงเวลาแล้วเหรอ โอ้ มันใกล้เวลาที่แม่ของผมจะกลับมาถึงบ้านแล้วผมเดาว่าผมคงต้องแกล้งทำเป็นอ่านหนังสือทำการบ้านและเข้านอนซะแล้ว ลาก่อนครับ
- ฮุน: ...
- ฮูนิ: ...
* * *
ชีวิตมหาลัยของลี ฮุนค่อนข้างยุ่งอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าเขาจะสอบผ่านอย่างฉิวเฉียด, การบ้านทั้งหลายก็ยังคงมีมาเรื่อยๆ
การสอบและการท้าทายในรอยัล โร้ด
เพราะพวกนั้น, ชอย ซัง จุน และ ปาร์ค ซุน จู เป็นคนรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับดันเจี้ยน, และการเตรียมการต่างๆดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
 “รุ่นพี่ จะมาเมื่อไหร่ก็ได้นะ และสิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงแค่โชว์ผลงานประติมากรรมของคุณให้พวกเราดูเท่านั้น
ชอย ซัง จุน ใจดีมากที่พูดแบบนั้น
ไม่ว่าจะยังไง เพราะมันคืองานกลุ่ม ลี ฮุน ต้องเข้าร่วมด้วย แต่คาดหวังอะไรจากประติมากรได้ไม่มากนัก ฮุนต้องเอาประติมากรรมของเขาให้พวกนั้นดู และถ้าชอย ซัง จุนและเพื่อนๆในทีมของเขาแกล้งทำเป็นว่าพวกเขาปราบปลื้มมันมาก นั่นจะทำให้เขาได้คะแนนจากอาจารย์ด้วย
 ‘ถ้ามีประติมากรที่สามารถสำรวจดันเจี้ยนยากๆ  รวมอยู่ในทีมด้วยละก็ นั่นจะทำให้เห็นว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
ชอย ซัง จุน ตั้งใจที่จะใช้การสำรวจดันเจี้ยนในครั้งนี้ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมา พี่ชายของเขาคือผู้เล่นระดับสูงของกิลด์ราชสีห์ทมิฬ ที่ให้เขายืมไอเทมและช่วยเขาในการเพิ่มเลเวล
แต่คนที่ทำให้เขากังวลมากที่สุดคือ ปาร์ค ซุน จู, จอมโจร!
 ‘อาชีพโจรนั้นไม่ค่อยเหมาะที่จะใช้งานในดันเจี้ยนสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่ามันไม่ได้แย่ซะทีเดียวที่มีโจร 1 คนเพื่อช่วยงานของเรา ใช่แล้ว เราควรที่จะดีใจเอาไว้สิ
แม้ว่าโจรสามารถช่วยเหลือได้, แต่สิ่งที่พวกเขาทำได้ทั้งหมดมีเพียงแค่การปลดกับดักและการปลดล้อคประตูเท่านั้น
เพื่อเป้าหมายของการสำรวจดันเจี้ยนในครั้งนี้ ทุกคนในทีมจึงประชุมในตอนพักเที่ยงโดยที่ไม่มี ลี ฮุน
ขณะที่กำลังกินแซนด์วิชของเธอภายในโรงอาหารอยู่นั้น มิน ซูรา ก็ถามคำถามขึ้นมา
 “แต่ว่าพวกนาย, แล้วอีก 2 คนที่จะมาเข้าร่วมทีมกับพวกเราเป็นใครกันเหรอ? ทุกคนตื่นเต้นและกำลังจะบ้าอยู่แล้วเนี่ย แต่พวกเราต้องตัดสินใจได้แล้วนะและเตรียมตัวให้พร้อมด้วย
ตอนนี้มีสมาชิกทั้งหมด 5 คนที่อยู่ในกลุ่มของพวกเขา ทีม C!
ถึงเวลาต้องหาสมาชิกเพิ่มอีก 2 คนแล้วล่ะ
ชอย ซัง จุน ก็ตื่นเต้นเช่นเดียวกันที่จะได้เห็นสมาชิกใหม่ในทีม
สำหรับตัวเขาที่โดดเด่นที่สุด, สมาชิกคนอื่นๆในทีมไม่มีใครที่จะโดดเด่นไปมากกว่าเขาอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาต้องการพาสมาชิกในทีมอย่างน้อยที่สุดก็ขอให้มีใครสักคนที่มีประโยชน์บ้าง
 ‘มันจะดีมากเลยที่มีเคลริคหรือชาร์แมนยังจะมีใครอยู่อีกเหรอที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าร่วมทีม? พวกเราต้องถึงคนจากทีมอื่นมาด้วยมั้ยเนี่ย?’
มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในตอนที่เขากำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่ในหัวของเขา จู อึน ฮี และ ฮง ซุน เย ที่เคยอยู่ในทีมของเขาตอนเข้าค่ายฝึก(Membership Training) กำลังเดินเข้ามาใกล้เขา
 “เฮ้ พวกเรายังไม่ได้ตัดสินใจกลุ่มของพวกเราเลย ให้พวกเราเข้าร่วมทีมด้วยได้มั้ย?”
ชอย ซัง จุน ดีใจและถามพวกเธอ
 “พวกเธอเล่นอาชีพอะไรและเลเวลเท่าไหร่?”
 “จอมเวทย์ผู้ใช้ธาตุ เลเวล 266 ตอนนี้อยู่ที่อาณาจักรเดล
 “ฉันเป็นเรนเจอร์(Ranger) เลเวล 285 ฉันอยู่ที่ปราสาทเนคาน ฉันกำลังออกล่าอยู่กับอึน ฮี
จอมเวทย์ผู้ใช้ธาตุ และเรนเจอร์
มันค่อนข้างห่างไกลจากความต้องการของ ชอย ซัง จุน ที่นึกถึงเคลริคและชาร์แมน
 “พวกเรามาร่วมมือด้วยกันเถอะ!”
ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ ชอย ซัง จุน ได้แต่ยิ้มสู้เข้าไว้
พวกผู้หญิงมักจะได้รับการต้อนรับอยู่เสมอ โดยเฉพาะ จู อึน ฮี และ ฮง ซุน เย ผู้ที่มีใบหน้างดงาม น่ารักและเรือนร่างที่เตะตาพวกผู้ชายในคณะของพวกเขา
 ‘อึน ฮี น่ารักมากๆ
ซัง จุนไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธสเป็คในฝันแบบอึน ฮี
จู อึน ฮี มีเสน่ห์มาก จนเห็นลักยิ้มของเธอได้ทันที
 “จริงๆเหรอ ขอบคุณมากเลยนะ ชอย ซัง จุน
อือ
ช่างน่าสมเพชอะไรเช่นนี้ ลี ยู จอง พูดกับชอย ซัง จุน หลังจากที่มองดูเขาแล้ว
 “ถ้าพวกเธออยู่ในอาณาจักรเดลตอนนี้พวกเราก็อยู่ในอาณาจักรเดลเหมือนกัน ปราสาทเนคานใช้เวลาเดินทางแค่ 1 วันเอง
 “ยู จอง เธอเลเวลเท่าไหร่แล้วเหรอ?”
นักดาบ เลเวล 237 ซูราเป็นเอ็นชานท์เตอร์ เธอเลเวล 144”
 “อย-อย่างนั้นเองหรอกเหรอ?”
ท่าทางของจู อึน ฮี และ ฮง ซุน เย ให้ได้ชัดเจนเลยว่าพวกเธอกำลังไม่พอใจ
มันเป็นเพราะว่านักดาบมีเลเวลค่อนข้างต่ำเกินไป, และเอ็นชานท์เตอร์ไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าไหร่ในดันเจี้ยน
อาจจะเป็นเพราะเธอรู้สึกได้ว่าพวกเธอไม่พอใจ มิน ซูรา จึงถาม
 “มันจะดีเหรอที่พวกเธอมาอยู่กลุ่มเดียวกันกับพวกเราน่ะ?”
 “อือ ก็นะ เดี๋ยวมันก็โอเคเองแหละ แต่พวกเธอรู้มั้ยว่า…”
ฮง ซุน เย ถามในขณะที่หน้าของเธอแดงเล็กน้อย
 “ทำไมรุ่นพี่ลี ฮุนถึงไม่อยู่ที่นี่ล่ะ? เขาไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันกับพวกเธอหรอกเหรอ?”
 “รุ่นพี่ เขาไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วยนะ
 “ทำไมอ่ะ?”
 “เขาบอกว่าเขาไม่ว่าง และ เพราะเขาเป็นประติมากร พวกเราไม่ต้องการเขาในการสำรวจน่ะ
“....”
 “พวกเธอสองคนตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกลุ่มของพวกเรา ใช่มั้ย?”
 “เธอ, เธอพูดถูกแล้ว
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม สุดท้ายแล้ว พวกเธอก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้และจำใจต้องยอมเข้าร่วมกลุ่มไปแต่โดยดี
อย่างไรซะ เมื่อแต่ละคนได้เรียนรู้ถึงระดับเลเวลและอาชีพของคนอื่นๆแล้ว ทุกคนสามารถรู้สึกได้ถึงสิ่งที่กำลังฝืนใจพวกเขาอยู่
 ‘นี่มันเลวร้ายที่สุด…’
 ‘การที่เราต้องมาอยู่กลุ่มเดียวกันกับคนพวกนี้ นี่มัน…’
 ‘ฉันตายแน่
 ‘ฉันต้องได้ลงเรียนซ้ำอีกแน่เลย
* * *
เวลาพักเที่ยง, ลี ฮุนไปที่ลานกว้างที่มีต้นหญ้าเขียวขจีเพื่อนั่งกินข้าวกลางวันที่เขาเตรียมมาจากที่บ้าน
 ‘วันนี้ก็เหมือนกัน มันวางอยู่ที่นี่อีกแล้ว
กล่องอาหารกลางวันสีแดงของเด็กผู้หญิง
เมื่อสิบวันก่อน, มีกล่องอาหารกลางวันสีแดงอยู่ตรงที่ลี ฮุนนั่งกินข้าวเป็นประจำ
 ‘มันอาจจะเป็นอาหารกลางวันของคนอื่นก็ได้
เขาคิดว่าเจ้าของกำลังมองหามันอยู่แน่ๆ เขาจึงไม่ได้เปิดดูข้างในกล่องอาหารกลางวัน
วันต่อมา กล่องอาหารกลางวันถูกวางไว้อยู่ที่เดิม แต่ว่าครั้งนี้ดูแปลกออกไป มีกล่องอาหารกลางวันสีเหลืองที่พันไว้ด้วยผ้าเช็ดมือสีขาว มีแม้กระทั่งโน้ตทิ้งไว้อยู่ข้างบน
- ได้โปรดกินฉันเถอะนะ
มันบ่งบอกได้ถึงความไร้เดียงสาที่ส่งผ่านออกจากลายมืออันวิจิตรงดงามตระการตา
ลี ฮุน บ่นพึมพำในขณะที่สายตาของกำลังมองไปที่กล่องอาหารกลางวัน
 ‘เราไม่รู้ว่ามันเป็นของใคร, แต่โคตรอิจฉาสุดๆ
กล่องอาหารกลางวันเปรียบเสมือนดอกไม้แห่งความรัก!
 ‘จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มันไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้กินอีกแล้ว ไอ้คนนั้นมันจะมีความสุขขนาดไหนกันน้า ที่มีแฟนแบบนี้ เขาได้แม้กระทั่งอาหารมาฟรีๆ
ลี ฮุน หัวเราะอย่างโดดเดี่ยวและกินข้าวกลางวันที่เขาเตรียมมาเอง
เขาคิดว่ามันต้องมีผู้ชายสักคนนอกจากเขาแล้วมาที่นี่และกินกล่องอาหารกลางวันนั้น
เขา ผู้ที่ไม่เคยออกเดทมาก่อน ไม่เชื่อว่ากล่องอาหารกลางวันอันนั้นจะเป็นของเขา
วันต่อมา
- ลี ฮุน, ได้โปรดกินอาหารกลางวันห่อนี้ด้วยนะ
ข้อความที่ยาวขึ้นและมีรายละเอียดมากขึ้น เขียนออกมาได้สวยมาก
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าคนที่ส่งมานั้นดูเกร็งๆ ข้อความที่อยู่ในกระดาษเลยมีบางส่วนที่ขาดความหนักแน่น, แต่ลี ฮุนไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้
 “เฮ้ย นี่มันอาหารกลางวันของเรา!”
เขาก้มลงเปิดกล่องอาหารกลางวัน
ภายในกล่องมีซูชิม้วนอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด! (Admin: จริงๆอยากใช้ มากิซูชิ แต่เพราะประโยคถัดไปเลยใช้ซูชิม้วนแทนดีกว่า)
 “ซูชิม้วนสไตล์เกาหลีทั้งหมดเลย
ลี ฮุนถึงกับบ่นออกมา
อาหารที่ลี ฮุนเตรียมมาทานอยู่ที่มหาลัยเป็นประจำคือซูชิม้วน เขาเตรียมพวกมันมากินเพราะมันทำง่ายและใช้เวลาน้อยในการทำ, แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้ต้องการจะกินอะไรที่แตกต่างออกไป (Admin: เมิงเห็นแก่กินสินะ - -‘)
 “ก็นะ ถึงจะเป็นซูชิม้วนตราบใดที่มันรสชาติดี ก็โอเคแล้ว
ลี ฮุน หยิบซูชิม้วนขึ้นมาลองกินดูก่อน 1 ชิ้น
ความกลมกลืนของรสชาติ กระจายไปทั่วทั้งปากของเขา
รสชาติที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้!
หัวไชเท้า, ปูอัด, และผักโขม ที่เธอใช้ทำออกมานั้น ช่างแตกต่างเหมือนอยู่กันคนละมิติ จากพวกวัตถุดิบธรรมดาๆ
ภาพด้านข้างของซูชิม้วน เผยให้เห็นถึงไข่ปลาคาเวียร์และเนื้อที่อัดแน่นของ   กุ้งล็อบสเตอร์!
ลี ฮุน มีความรู้เรื่องทำอาหารอยู่บ้าง, แต่เขาไม่เคยเห็นวัตถุดิบพวกนี้มาก่อนเลย
 “ไข่ปลาค้อดสดใหม่มาก แล้วไอ้เนื้อปูอัดนี่มันอะไรกัน รสชาติของมันดีสุดๆ?” (Admin: ไม่ต้องสงสัยนะครับ ที่ลี ฮุนพูดมาคือมันไม่รู้ว่าวัตถุดิบจริงๆคืออีกชื่อนึง)
พวกมันคือซูชิม้วนที่หรูหราที่สุด!
หลังจากที่ลี ฮุนกินซูชิม้วนอย่างเอร็ดอร่อย, เขาได้ทิ้งโน้ตเอาไว้ในกล่องอาหารกลางวันที่ว่างเปล่า
- เวลานี้เหมือนเดิมนะ
เขาทิ้งโน้ตเอาไว้ด้วยความหวังลมๆแล้งๆ
วันถัดมา เขาไปตรงบริเวณทุ่งหญ้า, ตรงนั้นมีกล่องอาหารกลางวันวางเอาไว้
- ขอบคุณนะ ที่ชอบมัน ได้โปรดวันนี้กินอีกนะ
ลี ฮุน เปิดฝากล่องอาหารกลางวัน
เมนูในวันนี้คือซูชิม้วนสไตล์เกาหลีอีกแล้ว, แต่วันนี้มันเต็มไปด้วยหูฉลาม, ปลาไหล, และปลาแซลมอน
ยังมีสลัดผลไม้สดเป็นของหวานอีกด้วย
มันอร่อยมาก
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ลี ฮุน ไปมหาลัยโดยที่ไม่ต้องเอาอาหารกลางวันของเค้าไปด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เตรียมอาหารกลางวันไว้ก็ตาม มันก็ยังมีอาหารรอคอยเค้าอยู่
ในขณะที่ลี ฮุนกำลังกินอยู่นั้น, ซอยูน ยืนมองดูจากที่ไกลๆ
ทุกครั้งที่เขากินอย่างมีความสุข เธอก็รู้สึกอิ่มไปด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้กินอะไรเลยก็ตาม
เพื่อน...’
เพื่อนที่มีค่ามากที่สุดของเธอ เพื่อนเพียงคนเดียวที่เธอมีในโลกใบนี้
ซอยูนรู้สึกขอบคุณที่เขากินมัน
เนื่องจากว่าเธอขาดทักษะการทำอาหาร ซูชิม้วนสไตล์เกาหลีที่เธอทำออกมาล้อตแรกนั้นขาดออกจากกันจนดูไม่ได้เลยและไส้ที่อยู่ข้างในยังล้นทะลักออกมาเต็มไปหมด การที่จะทำซูชิม้วนออกมาให้อร่อยนั้น เธอต้องไปเรียนจากเชฟโรงแรมระดับห้าดาว
ในขณะที่ซอยูนมองดู ลี ฮุนมีความสุขไปกับการกิน หน้าของเธอก็แดงขึ้น มันเป็นภาพของเทพธิดาที่กำลังเขินอาย
* * *
เพื่อที่จะฟื้นฟูค่าสถานะทางศิลปะที่ถูกใช้ไป วีดเริ่มทำงานในคุรุโซ
 ‘หนทางที่เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ค่าสถานะทางศิลปะคือการทำงานผ่านงานฝีมือ
ผลงานประติมากรรมที่เสร็จสมบูรณ์ จะทำให้เขาได้รับค่าสถานะทางศิลปะอย่างมหาศาล
ในทางทฤษฎีแล้ว มันเป็นวิธีที่ง่ายมาก แต่โอกาสของความสำเร็จนั้นต่ำมาก
เนื่องจากว่ามันมีขีดจำกัดทางด้านเทคนิคที่วีดสามารถบรรยายออกมาด้วยจินตนาการ การที่จะทำประติมากรรมให้สำเร็จออกมาได้อย่างต่อเนื่องนั้นเป็นอะไรที่ยากมาก
เปรียบเทียบได้กับการทำงานฝีมือที่เกี่ยวข้องกับอัญมณี โดยมันสามารถเพิ่มค่าสถานะทางศิลปะได้ 1 หรือ 2 แต้ม มันจึงดีสำหรับการเพิ่มค่าสถานะ ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาทำถึง 10 ชิ้น ด้วยกัน เพื่อเพิ่มค่าสถานะในแต่ละครั้ง เขามีความถนัดมากพอที่จะทำงานที่กดดันแบบนี้
 “กฎก็คือการฝึกฝนไม่เคยโกหก มันไม่มีอะไรที่เรายินดีไปมากกว่าการฝึกฝนอีกแล้ว
เมื่อวิดีโอสวนน้ำสำหรับเด็กของเค็นเดลฟ์ถูกอัพโหลดลงในบอร์ดสนทนาของรอยัล โร้ด พวกผู้เล่นคนแคระต่างพากันแข่งขันเอาวิดีโอของพวกเขาอัพลงให้เร็วที่สุดเท่าที่พวกเขาจะทำได้
จนกระทั่ง คุรุโซที่เคยเป็นสถานที่ลับเฉพาะในหมู่พวกคนแคระ มีน้อยคนที่จะรู้จักมัน แต่ ทว่า หลังจากที่ภาพของพวกคนแคระที่กำลังเล่นสนุกสนานไปกับสวนน้ำถูกเผยแพร่ออกไป ความลับนี้จึงไม่เป็นความลับอีกต่อไป
จำนวนผู้คนที่สนใจเพิ่มมากขึ้น ทำให้การสำรวจเส้นทางเพื่อมายังคุรุโซสำเร็จและได้มีการแชร์ข้อมูลการสำรวจกันอย่างแพร่หลาย
 “ในที่สุด พวกเราก็มาถึง!”
 “ว้าว! นี่น่ะเหรออาณาจักรคนแคระน่ะ
พวกมนุษย์และเอลฟ์เดินทางมาและพบเจอมัน จำนวนของผู้เล่นในคุรุโซเพิ่มมากขึ้นถึง 5 เท่า
ประติมากรรมของคนแคระผู้มาเยือน!
ประติมากรรมที่พวกเขาได้รับมาผ่านการทำเควสหรือพบเจอระหว่างทาง ได้เอามาให้วีดประเมินและตรวจสอบดูพวกมัน
 “คุณหัตถ์แห่งศิลป์ ผมได้ยินมาว่าคุณสามารถประเมินค่าของประติมากรรมได้
 “อือ ถึงแม้ว่าข้าไม่ค่อยมีเวลามาทำอะไรแบบนี้สักเท่าไหร่นักแต่ตอนนี้ข้าพอมีเวลาอยู่บ้าง, ข้าจะตรวจดูให้เจ้าเลยละกัน
 “ขอบคุณ!”
แม้กระทั่งในคุรุโซ สถานที่ ที่มีสุดยอดช่างฝีมือมารวมตัวกัน หัตถ์แห่งศิลป์คือประติมากรที่โดดเด่นที่สุด
การต่อสู้ในถ้ำเชสปิน, และชัยชนะเหนือเดธแฮนด์!
ภายในร้านเหล้ามีพวกทหารคนแคระและนักรบคนแคระนั่งคุยกันเกี่ยวกับเควส ประติมากรรมที่เกิดขึ้นในคุรุโซ และตำนานของหัตถ์แห่งศิลป์ก็มาถึงหูของพวกผู้มาเยือนที่เข้ามาใหม่ ผ่านการซุบซิบของพวกเขาเหล่านั้น
วีด ผู้ที่เป็นตัวแทนของหัตถ์แห่งศิลป์ ได้รับประติมากรรมมา
ตรวจสอบ
- วิหคสำนึกบาป
นกพิราบที่ทำขึ้นมาจากดินเหนียว กำลังทำสมาธิด้วยการใช้ขายืนเพียงข้างเดียว
สร้างขึ้นโดยประติมากรไร้นาม
ถึงแม้ว่าประติมากรรมชิ้นนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยทักษะที่ขัดเกลามาอย่างดีและการพรรณนาให้เห็นถึงความสุดยอดของมัน แต่ความหมายที่ตั้งใจสื่อออกมาผ่านประติมากรรมชิ้นนี้นั้น ไม่สามารถที่จะตีความออกมาได้
คุณค่าทางศิลปะ: 30
- คุณได้ชื่นชมผลงานชิ้นนี้และค่าสถานะทางศิลปะของคุณเพิ่มขึ้นมา 1 แต้ม
ได้ค่าสถานะทางศิลปะจากการตรวจสอบ!
ไม่ว่าพวกมันจะเป็นผลงานจิตรกรรม, ดาบที่มีชื่อเสียง, หรือ กระทั่งชุดเกราะในตำนาน พวกมันให้ค่าสถานะทางศิลปะกับเขาเพียงเล็กน้อย
 ‘ดูเหมือนว่าค่าสถานะทางศิลปะจะแตกต่างออกไปจากค่าสถานะอื่นๆนะ
เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาทำให้ประติมากรรมมีชีวิตหรือใช้ทักษะ ค่าสถานะทางศิลปะจะถูกใช้ไป แต่เมื่อเขาทำการเพิ่มมันอีกครั้ง มันจะมีแรงผลักดันในการฟื้นฟู ซึ่งนั่นทำให้เขามีความรู้สึกว่าค่าสถานะมันเพิ่มขึ้นง่ายกว่าค่าอื่นๆอีก
อย่างไรก็ตามการท้าทายเพื่อเพิ่มค่าสถานะทางศิลปะด้วยการตรวจสอบเพียงอย่างเดียว ค่าสถานะทางศิลปะของเขาเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าหลังจากที่เขาได้ฉายาประติมากรนิรันดร์กาล
แค่เพียงการเย็บปักได้วัตถุดิบคุณภาพดี ค่าสถานะทางศิลปะของเขาก็เพิ่มขึ้น เมื่อสร้างอะไรก็ตามจากการตีเหล็ก ค่าสถานะทางศิลปะก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
 ‘มันก็ยังคงเป็นวิธีที่เราไม่สามารถใช้มันได้บ่อยๆ
ตามชื่อของมันที่แสดงให้เห็นถึงพลังในการฟื้นฟูค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ถ้าเขามัวแต่ใช้ค่าสถานะทางศิลปะและไม่ได้ฟื้นค่าของมันคืนมา เขาจะไม่สามารถไปถึงระดับที่สูงขึ้นได้เลย
เพื่อที่จะฟื้นฟูค่าสถานะทางศิลปะของเขา วีดจึงไปพบพวกคนแคระมากมายที่อยู่ในคุรุโซ
 “หัตถ์แห่งศิลป์ นายอยากดื่มเบียร์มั้ย? เดี๋ยวข้าเลี้ยงเอง
 “นายเคยสนใจที่จะเข้าร่วมกิลด์บ้างมั้ย?”
มีกิลด์จำนวนมากต้องการเขาในฐานะที่เป็นประติมากรผู้โด่งดัง
วีดปฏิเสธพวกเขาทุกครั้งที่เจอกัน
มีอยู่มาวันนึง เฮอร์แมนได้มาเห็นฉากเหล่านั้น จึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สุภาพและอ่อนโยน
 “มันจะดีมากเลยถ้านายเข้าร่วมกิลด์ของพวกเรา อาชีพสายการผลิต เอ๊ะ! ถึงแม้ว่านายจะไม่ได้มีอาชีพสายการผลิต ยังไงซะ การที่คนแบบพวกเรา ที่มีอาชีพสายการผลิต มันสะดวกมากเลยนะเมื่อได้อยู่ในกิลด์น่ะ
 “ผมก็รู้เหมือนกัน
 “แล้วมีเหตุผลอะไรที่พิเศษมั้ยว่าทำไมนายถึงไม่อยากอยู่ในกิลด์?”
เขาอาจถูกจับได้ว่าเขาเป็นดาร์คเกมเมอร์ แม้กระทั่งเมื่อตอนที่เขาเล่น เดอะคอนทิเน้นท์อ็อฟเมจิค เขาก็อยู่คนเดียวมาตลอด และต้องปะทะกับพวกกิดล์ต่างๆอยู่เสมอ นั่นจึงทำให้มันเป็นภาระสำหรับเขา
แววตาของเฮอร์แมนส่องแสงเป็นประกายในขณะที่เขากำลังหัวเราะ
 “ดูเหมือนว่านายจะมีเรื่องราวที่ไม่สามารถพูดได้สินะ แต่แค่เพราะว่านายอยู่ในกิลด์ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องการที่จะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนายซะหน่อย
“...”
 “นายไม่จำเป็นต้องพูดอะไรก็ตามที่นายไม่อยากให้คนอื่นรู้ แค่ทำตัวตามสบาย และถ้านายไม่ชอบที่จะอยู่ในกิลด์  นายไม่สามารถที่จะออกจากมันได้เลยหรือ?”
 “นั่นก็อาจจะใช่ แต่…”
 “เมื่อไหร่ที่นายอายุเท่าฉันนะ สิ่งที่นายจะเสียดายมากที่สุดคือการที่ไม่ได้ลองทำอะไรที่มันแตกต่างออกไปในตอนที่นายยังเป็นหนุ่มอยู่ นายจะเสียดายมันมั้ยหลังจากที่นายได้พยายามลองทำดูแล้ว? ร่างกายไม่ใช่สิ่งที่ควรกังวลมากนักเมื่อตอนที่นายยังหนุ่มยังแน่นอยู่
วีดตัดสินใจ
 ‘ถ้ามันมีกิลด์ที่เราสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระล่ะก็ เราคิดว่ามันคงไม่เลวร้ายนักหรอกที่จะลองเข้าดู
มันมีอยู่หลายวิธีที่เขาอาจจะกลายมาเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียว แต่เขากลับพบเจอว่ามันไม่มีเหตุผลที่จำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยงแนวทางการเล่นแบบกิลด์
แม้กระทั่งพวกอาจารย์นักดาบเองก็ไม่ได้ตั้งกิลด์ขึ้นมา แต่ก็สามารถมีบทบาทแบบนั้นได้ อีกทั้งพวกเขายังมีชื่อเสียงโด่งดังในอาณาจักรโรเซ็นไฮม์ ซึ่งนั่น พวกเขาทำให้มันเป็นแบบนั้นเอง
 ‘ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ เราไม่ควรที่จะไปเข้าร่วมกิลด์ของพวกครูฝึกเค้า
เขาใกล้ชิดสนิทสนมกับพวกอาจารย์นักดาบและเขายังได้เจอหน้าพวกเค้าอยู่ทุกวัน
พวกเขายังได้ลงทะเบียนเป็นเพื่อนของเขาอีกด้วย เขาจึงได้คุยกับพวกนั้นอยู่บ่อยๆ มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเข้าร่วมกิลด์ที่สร้างขึ้นโดยพวกนักดาบทั้งหลาย
เหมือนเขารับรู้ได้ว่าวีดยังไม่กล้าตัดสินใจ เฮอร์แมนจึงพูดขึ้น
 “นายเคยได้ยินชื่อกิลด์นักเดินทางแห่งพื้นที่รกร้างบ้างหรือเปล่า?” (Travelers of the Wilderness Guild)
 “ผมไม่เคยได้ยินชื่อของมันเลย
 “มันคือกิลด์ที่ฉันอยู่ มีอยู่บ่อยครั้ง ที่พวกเราออกล่าโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันเลย และยังมีพวกคนที่ออกไปผจญภัยเพียงอย่างเดียวด้วยมันคือกิลด์ที่สร้างขึ้นมาจากความเต็มใจของทุกคน
 “มีคนอยู่ทั้งหมดกี่คน?”
 “ก็ประมาณสัก 25 คน? อัตราการทำกิจกรรมค่อนข้างสูง ส่วนช่วงอายุของแต่ละกลุ่มมีคนแก่อย่างฉัน และ มีอีกหลายคนที่มีอายุในช่วง 20 ปี, 30ปี,และ 40 ปี พวกเราไม่ได้ขึ้นตรงกับอาณาจักรไหน และมันก็ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรแบบนั้นหรอกนะ  มันเลยง่ายที่จะเข้าน่ะ ทำไมนายไม่มาเข้ากิลด์ของพวกเราล่ะ?”
 “แล้วถ้าเกิดว่ามันเริ่มไม่สะดวกสำหรับผม?”
 “งั้นนายก็แค่ออก
วีดรู้สึกว่าข้อเสนอของเฮอร์แมนนั้นสามารถยอมรับได้
 ‘พวกเขาคงไม่รำคาญอะไรนู่น นี่ นั่นหรอกนะที่ว่าเราเป็นประติมากรน่ะ
ส่วนใหญ่แล้วกิลด์ทั้งหลายนั้นต้องการวีดให้เข้ามาอยู่ในกิลด์ด้วย เมื่อรู้ทันทีว่าเขานั้นเป็นประติมากร
ประติมากรสำหรับกิลด์ของพวกเขา
นั่นคือจุดมุ่งหมายที่แท้จริงในการที่จะชวนเขาเข้ากิลด์ให้ได้ แต่มันดูเหมือนว่าเรื่องราวพวกนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับกิลด์ของเฮอร์แมน
 โอเค แล้วผมต้องเข้ายังไงอ่ะ?”
 “ฉันสามารถชวนนายได้ มันคือสิทธิพิเศษที่ให้กับสมาชิกทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของกิลด์มาแล้วมากกว่า 1 ปี
ติ๊ง!
- เฮอร์แมนได้ชวนคุณให้เข้าร่วมกิลด์นักเดินทางแห่งพื้นที่รกร้าง
ข้อมูลที่เกี่ยวกับกิลด์นักเดินทางแห่งพื้นที่รกร้าง
จำนวนสมาชิก 25 คน                     หัวหน้ากิลด์ วาแค้นท์
รูปแบบตำแหน่งของกิลด์ ดี          กิลด์ปรปักษ์ ไม่มี
อาณาจักรที่ไม่เป็นมิตร               ไม่มี
คุณจะเห็นรายละเอียดต่างๆของกิลด์ได้หลังจากที่คุณเป็นสมาชิกกิลด์มาแล้วสักระยะเวลาหนึ่ง
คุณต้องการที่จะตอบรับคำเชิญนี้มั้ย?
กิลด์ที่ชอบทำสงครามอยู่เป็นประจำหรือเป็นศัตรูกับกิลด์อื่นๆ ทำให้พวกผู้เล่นไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมด้วย, แต่ถ้ากิลด์เป็นกลาง มันก็ไม่มีอะไรน่าเสียหาย
ผมจะเข้ากิลด์ของคุณ
ติ๊ง!
- คุณได้เข้าร่วมกิลด์นักเดินทางแห่งพื้นที่รกร้าง
ทันใดนั้น ช่องแชทสำหรับคุยกันในกิลด์ก็ปรากฏขึ้นในหน้าต่างข้อความของวีด
- ซาบรินา: ยินดีต้นรับสู่กิลด์ของพวกเรานะ, สมาชิกใหม่!
- พิน: ยินดีต้อนรับค่ะ
- เอ็ดวิน: ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบคุณ
กิลด์ที่ต้อนรับสมาชิกใหม่!
เมื่อมองดูที่รายชื่อสมาชิกกิลด์ มีคนอยู่ตอนนี้ 24 คนจากทั้งหมด 26 คน รวมวีดด้วย
แม้ว่าคุณจะบอกว่ากิลด์มีกิจกรรมในระดับที่สูงมาก, แต่มีคนต้อนรับเขาเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น
- วีด: สวัสดี ผมวีดนะ ยินดีที่ได้รู้จักพวกคุณทุกคน
- เฮอร์แมน: ดูเหมือนว่าคนอื่นๆกำลังยุ่งอยู่กับการล่าหรือไม่ก็ทำเควสกันนะ ในกิลด์ของพวกเรา มีอยู่หลายคนที่ปิดข้อความสำหรับคุยกันในกิลด์ไปเลย
ดังนั้นถ้าคุณต้องการอะไรบางอย่าง สิ่งที่คุณต้องทำมีเพียงแค่ลงทะเบียนพวกเขาเป็นเพื่อนและพูดคุยโดยตรงกับพวกเขาเลย
- วีด: ผมเข้าใจแล้ว
- พิน: แต่คุณปู่เฮอร์แมน, คุณไม่ได้บอกว่าคุณหัตถ์แห่งศิลป์เข้ากิลด์ด้วยเหรอ?
- เฮอร์แมน: เธอกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่? คนที่เพิ่งเข้ากิลด์เมื่อกี้นี้คือหัตถ์แห่งศิลป์นะ
- พิน: ไม่มีทาง คนที่เข้ามาเมื่อกี้คือวีด คุณปู่ลองเช็คดูสิ
- เฮอร์แมน: ไม่มีทางที่ฉันจะพลาดได้ ฉันชวนหัตถ์แห่งศิลป์เมื่อตอนที่ฉันยกมือขึ้นไปหาเขาเองกับมือเลยนะเฮ๋อ,มันเกิดขึ้นได้ไงเนี่ย? ตามที่พินพูดเมื่อกี้นี้เลย คนที่เข้ามาคือวีดจริงๆด้วย
ในตอนที่วีดเข้าร่วมกิลด์แล้ว เขาซ่อนเลเวลของเขาและอาชีพทันที
เขายังไม่ต้องการที่จะสนิทสนมกับกิลด์นี้จนเกินไป เขาไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยตัวตนของเขาให้สมาชิกในกิลด์ที่เขาไม่รู้จักด้วย
แต่ยังไงก็ตาม ชื่อของเขายังสามารถมองเห็นได้อยู่
- วีด: ผมคือหัตถ์แห่งศิลป์คนนั้นแหละ
- เฮอร์แมน: นายเป็นคนแคระที่เป็นประติมากร หัตถ์แห่งศิลป์คนนั้นน่ะเหรอ?
-วีด: ใช่แล้ว แต่ผมไม่ได้เป็นคนแคระนะ
- เฮอร์แมน: นายไม่ได้เป็นคนแคระหรอกเหรอ?
- วีด: มันมีเหตุจำเป็นน่ะ ตอนนี้ผมก็เลยแกล้งเป็นคนแคระอยู่
- พิน: หัตถ์แห่งศิลป์, ยินดีที่ได้เจอคุณอีกนะ, แต่คุณหมายความว่ายังไง, คุณไม่ใช่คนแคระเหรอ? คุณเป็นคนแคระที่เตี้ยสมบูรณ์แบบมากอั้ก! ฉันขอโทษจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะพูดว่าพวกคนแคระเตี้ย ยังไงก็ตาม คุณไม่ได้อยู่เผ่าเดียวกันกับคุณปู่เฮอร์แมนหรอกเหรอ?
- วีด: นั่นไม่ใช่เผ่าที่ผมเลือก
- พิน: จริงๆแล้ว คุณเล่นเผ่าไหนกันแน่?
- วีด: มนุษย์
เฮอร์แมนยืนงงอยู่ข้างๆวีด ทันใดนั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ประติมากรรมอันน่าเหลือเชื่อที่ถูกสร้างขึ้นโดยวีด, และภาพของเขาที่กำลังทำเควสประติมากร, และเมื่อตอนที่เขาทำปีกแห่งแสง
มีความคิดแวบนึงแล่นเข้ามาในสมองของเฮอร์แมน
- เฮอร์แมน: มนุษย์ที่เป็นประติมากรเหมือนกันกับวีดไม่มีทาง ไม่จริงใช่มั้ย ลอร์ดโมราต้า?
- วีด: ใช่แล้ว นั่นผมเองแหละ
จบตอน

14 ความคิดเห็น:

  1. สุดยอดดดด ขอบคุณค๊าบ ๆๆ ค้าง อ่า ขอตอนต่อไป ด้ยคร๊าบ อิอิ

    ตอบลบ
  2. ไม่จริง ค้างเลย 555

    ตอบลบ
  3. ค้างมาก ขอบอก ขอบคุณผู้แปลครับ

    ตอบลบ
  4. สนุกมากๆขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  5. ซอยูน อิจฉาบักฮุนหวะ ฝึกงานว่าที่ภรรยา แต่ลำบากตรงที่บักฮุนมันบื้อเรื่องพวกนี้ 55

    ตอบลบ
  6. โอ้.... เย้.... ในที่สุดก็เปิดเผยตัวซะที 5555
    ขอบคุณครับ

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณที่ช่วยแปลให้อ่านครับ ตอนนี้สนุกมากเลยครับ

    ตอบลบ
  8. นั้นแหละผมเอง เหยดดดดดดดดดดด ขอบคุณค้าบ

    ตอบลบ
  9. หล่อท้ายเล่มเลยเฟ้ย

    ตอบลบ

เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล

  เล่มที่ 52 บทที่ 7 เคย์เบิร์นเคลื่อนไหวแล้ว แปลโดย Teerawat และ แอดชินเพจเราอ่านนิยายแปล ลาเฟย์หลับตาลง ' เราจบสิ้นแล้ว '...